กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดผลงานครึ่งปีแรก ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรแตะ 136,000 ล้านบาท

327
0
Share:

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2564 ยังคงเติบโต มียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 136,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่ 36,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 131,000 ล้านบาท อันเป็นผลจากการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และการวิเคราะห์ข้อมูลมาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ควบคู่กับการบริหารค่าใช้จ่ายและการรักษาคุณภาพสินเชื่อ เผยยอดใช้จ่ายหมวดช้อปออนไลน์และประกันภัยเติบโตสูง ช่วงครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตดิจิทัล พร้อมพัฒนาบริการผ่านช่องทางดิจิทัลใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป

นางสาวณญาณี  เผือกขำ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล อันประกอบไปด้วย บัตรเครดิตกรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์, บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน และบัตรเครดิตเทสโก้ โลตัส วีซ่า กล่าวว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 แม้ต้องเผชิญกับปัจจัยท้าทาย ทั้งภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น แต่กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ยังมีผลประกอบการที่เติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 136,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อใหม่ 36,000 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 131,000 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ระดับ 1.2% สำหรับบัตรเครดิต และ 2.7% สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อผ่อนชำระ ซึ่งนับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในธุรกิจ

“ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการบริหารความเสี่ยงและการบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โดยเน้นการปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตอบรับกับสภาวะตลาดในปัจจุบันและวิถีชีวิตยุคใหม่ โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เช่น มาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยนานสูงสุด 2 รอบบัญชี รวมทั้งมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ เช่น  ลดยอดชำระขั้นต่ำต่อเดือน, ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและขยายระยะเวลาผ่อนชำระเป็นกรณีพิเศษ เป็นต้น เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้”

สำหรับแนวโน้มการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ พบว่า ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่มีอัตราเติบโตสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.หมวดช้อปปิ้งออนไลน์และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (+57%)  2.หมวดประกันภัย (+20%) 3.หมวดห้างสรรพสินค้า (+18%) 4.หมวดของใช้ในครัวเรือน (+15%) และ 5.หมวดโรงพยาบาล (+10%) สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปซึ่งคนในปัจจุบันมีการทำงานจากที่บ้านมากขึ้น ทำให้การใช้จ่ายออนไลน์เติบโตสูง รวมทั้งยังมีความสนใจในเรื่องสุขภาพและความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น

ในปีนี้ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ มุ่งพัฒนาธุรกิจโดยนำดิจิทัลและนวัตกรรม รวมถึงศักยภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมาใช้ เพื่อพัฒนาช่องทางการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ ตรงใจ และสอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของลูกค้ายิ่งขึ้น รวมทั้งพัฒนากระบวนการดำเนินงานและการให้บริการ โดยนำระบบ Process Automation และ AI มาใช้ เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้แบบไร้รอยต่อในทุกสถานการณ์ เช่น บริการ UCash โอนวงเงินบัตรเครดิตเข้าบัญชีออมทรัพย์หรือพร้อมเพย์เพื่อใช้เป็นเงินสดจากแอป UChoose ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี, การนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ยกระดับการบริการ เช่น AI Manow  ผู้ช่วยบริการทางโทรศัพท์ ที่ช่วยลดเวลารอสายของลูกค้า, บริการตรวจสอบข้อมูลบัญชีบัตรเครดิตด้วยตนเอง ผ่านระบบแชทบอทบนเฟซบุ๊ก เมสเซ็นเจอร์ ที่เพิ่มช่องทางให้สมาชิกบัตรได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น, บริการ Voice Authentication ยืนยันตัวตนด้วยเสียง เพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีวอยซ์ไบโอเมทริกซ์ที่ปลอดภัยสูง เพิ่มความรวดเร็วในการบริการ, บริการลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบผ่านแอป UChoose เป็นต้น

“ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ยังมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตดิจิทัล รวมทั้งพัฒนาบริการและฟังก์ชั่นต่างๆ เพิ่มเติม บนแอปพลิเคชัน UChoose รวมไปถึงช่องทางบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังจะปรับเปลี่ยนวิธีการทำการตลาด โดยนำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมาใช้ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล (Personalized) มากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังมีแผนจะใช้จุดแข็งในการเป็นองค์กรที่มีจุดเด่นเรื่องข้อมูลมาเพิ่มโอกาสทางการตลาด โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสม ให้กับกลุ่มผู้ที่มีศักยภาพจะเป็นลูกค้าในอนาคตจากฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจในเครือกรุงศรี ตามนโยบาย Krungsri One Retail นอกจากนี้ ยังมีแผนจะขยายธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลไปในภูมิภาคอาเซียน ผ่านการร่วมทุนในประเทศลาว ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย” นางสาวณญาณีกล่าวสรุป

 

Share: