ทรูมูฟ เอช เตรียมวางจำหน่าย iPhone 13 ทุกรุ่น วันที่ 8 ตุลาคม

331
0
Share:

ทรูมูฟ เอช เตรียมวางจำหน่าย iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max, iPhone 13 และ iPhone 13 mini ที่ทั้งสวยงามและล้ำสมัย iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่หมดทั้งภายในและภายนอก มาพร้อมกับระบบกล้องที่โปรที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone, จอภาพ Super Retina XDR พร้อม ProMotion, แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น, ชิป A15 Bionic ที่ออกแบบโดย Apple พร้อม GPUแบบ 5-core และประสบการณ์ 5G สุดล้ำ ส่วน iPhone 13 และ iPhone 13 mini โดดเด่นด้วยระบบกล้องคู่ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone และมีชิป A15 Bionic เป็นขุมพลัง ในดีไซน์ที่เพรียวบางและทนทาน  ลูกค้าสามารถสั่งซื้อ iPhone 13 ทุกรุ่นล่วงหน้าได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 และจะวางจำหน่ายในวันที่ 8 ตุลาคม 2564

“ทรูมูฟ เอช ตั้งตารอที่จะให้แฟนๆ ชาวไทยได้เป็นเจ้าของ  iPhone 13 Pro, iPhone 13 Pro Max, iPhone 13 และ iPhone 13 mini ที่มาพร้อมระบบกล้องอันเหนือชั้นในดีไซน์ที่สวยงามบนเครือข่ายอัจฉริยะ ‘ทรู 5G’ ที่มอบสุดยอดประสบการณ์การสื่อสารไร้สาย” นายนิพนธ์ รักศรีอักษร หัวหน้าคณะผู้ บริหาร ด้านปฎิบัติการธุรกิจรีเทล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวและว่า “เครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G เป็นเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพเหนือระดับทั้งด้านความเร็วและการเชื่อมต่อ เรามุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานเครือข่ายของเราอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบและดีที่สุด การันตีด้วยรางวัลเครือข่ายยอดเยี่ยมที่สุดในไทย 5 ปีซ้อน โดย nPerf และรางวัลผู้นำ 5G ระดับโลกจาก Opensignal”

iPhone 13 ทุกรุ่นพร้อมมอบประสบการณ์ 5G สุดล้ำด้วยการรองรับย่านความถี่ 5G มากขึ้น จึงสามารถใช้งาน 5G ได้หลายที่มากขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น และมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น1 iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max โดดเด่นด้วยจอภาพ Super Retina XDR แบบใหม่หมดพร้อม ProMotion ที่มีอัตราการดึงข้อมูลใหม่สูงสุดที่ 120Hz จึงให้ประสบการณ์ในการสัมผัสที่เร็วขึ้นและตอบสนองฉับไวยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งทั้งสองรุ่นมีให้เลือกในสีกราไฟต์, ทอง, เงิน และเซียร์ร่าบลูใหม่ นอกจากนี้ในรุ่น iPhone 13 Pro Max ยังมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone ทำให้สามารถใช้งานในหนึ่งวันได้นานกว่า iPhone 12 Pro Max ถึง 2.5 ชั่วโมง พร้อมด้วยพื้นที่จัดเก็บข้อมูลความจุใหม่สูงถึง 1TB และยังอุ่นใจด้วยด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ซึ่งแข็งแกร่งกว่ากระจกสมาร์ทโฟนไหนๆ

ส่วนระบบกล้องระดับโปร ซึ่งประกอบด้วยกล้องอัลตร้าไวด์ ไวด์ และเทเลโฟโต้ ก็ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่สุดเพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอที่โดดเด่นสวยงามโดยมีชิป A15 Bionic ที่ออกแบบโดย Apple เป็นขุมพลัง เทคโนโลยีนี้ยังทำให้เกิดความสามารถในการถ่ายภาพแบบใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น อย่างการถ่ายภาพมาโครด้วยกล้องอัลตร้าไวด์ใหม่ และประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยที่ดีขึ้นสูงสุด 2.2 เท่าบนกล้องไวด์ใหม่ รวมถึงคุณสมบัติด้านการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์อย่าง “สไตล์ภาพถ่าย” ที่ให้คุณปรับแต่งสไตล์ภาพในแอปกล้องอย่างที่ต้องการ และโหมดกลางคืนที่ใช้งานได้กับกล้องทุกตัว ส่วนวิดีโอก็ล้ำหน้าแบบก้าวกระโดดโดยมี “โหมดภาพยนตร์” ที่เปลี่ยนระยะชัดลึกได้อย่างสวยงาม รวมทั้งการถ่ายวิดีโอแบบมาโครทั้งไทม์แลปส์และสโลว์โมชั่น และประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยที่ดียิ่งขึ้น และทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมเวิร์กโฟลว์ในแบบ Dolby Vision ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งยังรองรับ ProRes เป็นครั้งแรก ซึ่งมีเฉพาะบน iPhone เท่านั้น

iPhone 13 และ iPhone 13 mini เจเนอเรชั่นใหม่มาพร้อมดีไซน์อันงดงามพร้อมด้วยขอบแบนที่เรียบหรูดูดีใน 5 สีสันที่โดดเด่นสะดุดตา ได้แก่ สีชมพู, น้ำเงิน, มิดไนท์, สตาร์ไลท์ และรุ่น (PRODUCT)RED 2 โดยที่ทั้งสองรุ่นมาพร้อมนวัตกรรมอันน่าทึ่ง อย่างระบบกล้องคู่ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone ซึ่งมาพร้อมกล้องไวด์ที่มีพิกเซลขนาดใหญ่ขึ้น และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์เพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอในสภาวะแสงน้อยที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี “สไตล์ภาพถ่าย” ซึ่งเป็นวิธีใหม่สำหรับปรับแต่งกล้องให้ถูกใจในแบบที่ต้องการ และ “โหมดภาพยนตร์” ซึ่งจะเปิดมิติใหม่ให้กับการเล่าเรื่อง ยิ่งกว่านั้น iPhone 13 และ iPhone 13 mini ยังมาพร้อมชิป A15 Bionic ที่ออกแบบโดย Apple เพื่อประสิทธิภาพที่แรงสุดขั้วและประหยัดพลังงานเป็นเยี่ยม, แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น, จอภาพ Super Retina XDR ที่สว่างยิ่งขึ้นเพื่อคอนเทนต์ที่มีชีวิตชีวา, ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield ที่ทนทานเหลือเชื่อพื้่นที่จัดเก็บข้อมูลในรุ่นเริ่มต้นเพิ่มขึ้นสองเท่าเป็น 128GB, ความสามารถในการทนน้ำที่ระดับ IP68 ชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม และประสบการณ์ 5G สุดล้ำ

Share: