บลจ.ทิสโก้แนะลงทุนหุ้นต่างประเทศ มองตลาดจีนโตโดดเด่น

453
0
Share:

บลจ.ทิสโก้ มองหุ้นไทยอัพไซต์น้อย หลังดัชนีทะลุ 1,500 จุด แนะนักลงทุนขนเงินลุยหุ้นต่างประเทศ ชี้ตลาดจีนโดดเด่นที่สุด พร้อมสร้างความเชื่อมั่นชวนนักลงทุนเปิดบัญชี คาดปีนี้ยังสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมรับอานิสงส์กองทุนหุ้นต่างประเทศยังร้อนแรง

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นโลกในปี2564 ว่าในส่วนของตลาดหุ้นไทยมีอัพไซต์อีกไม่มาก จากระดับดัชนีตลาดปัจจุบันที่1,500 จุด เนื่องจากมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่โดดเด่นให้เลือกลงทุนไม่มากนัก แรงผลักดันหุ้นไทยในรอบนี้เป็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่เม็ดเงินไหลเข้าลงทุนในตลาดเกิดใหม่  ส่งผลให้หุ้นบิ๊กแคปปรับตัวสูงขึ้น แต่โอกาสขึ้นต่อจะยากเพราะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวและโรงแรมยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19  คาดต้องใช้เวลาราว 1 ปีกว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาสู่ระดับปกติ

ส่วนตลาดหุ้นโลกจะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องจากปีก่อน โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวราว 3-4% ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินและนโยบายดอกเบี้ยต่ำ ตลอดจนมีการทำ QE ต่อเนื่อง รวมทั้งการเริ่มทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทำให้นักลงทุนมีความคาดหวังด้านบวก อย่างไรก็ตาม มองว่าตลาดหุ้นจีนมีความน่าสนใจเข้าลงทุนมากที่สุด จากภาวะเศรษฐกิจที่น่าจะเติบโตได้ถึง 8% ความตึงเครียดระหว่างจีน- สหรัฐ จะผ่อนคลายลงหลัง โจ ไบเดน รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ และแนวโน้มการอ่อนค่าของดอลลาร์จะหนุนให้มีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นจีน

ดังนั้น การจัดพอร์ตลงทุนในปีนี้ควรให้น้ำหนักตลาดหุ้นต่างประเทศในสัดส่วน 50-60%  เน้นหุ้นในกลุ่มเมกะเทรนด์ 2 กลุ่มหลัก คือ เฮลแคร์ อินโนเวชั่น และ เทคโนโลยี ส่วนหุ้นไทยให้น้ำหนัก10-20% ที่เหลือกระจายไปยังการลงทุนทางเลือกอื่นๆ

นายสาห์รัช กล่าวว่า ในปี 2564 บลจ. ทิสโก้ มีแผนเสนอขายกองทุนหุ้นต่างประเทศต่อเนื่องจากปีก่อน เพราะนักลงทุนให้การตอบรับดี ผลตอบแทนการลงทุนยังอยู่ในระดับที่สูง เช่น กองทุนเปิด ทิสโก้ ไบโอเทคโนโลยี เฮลธ์แคร์ (TBIOTECH) ที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 83% ขณะที่ระหว่างปี (12 มี.ค.63 – 9 ก.พ.64) ให้ผลตอบแทนสูงถึง 102% เป็นต้น โดยในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ Genomic Revolution (TGENOME) ที่ลงทุนในเทคโนโลยีการแพทย์ สามารถระดมทุนได้สูงถึง 9,147 ล้านบาท และมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ณ วันที่ 16 ก.พ.64 ที่ 10,246 ล้านบาท ถัดมาเดือน ก.พ.เสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า คอนซูเมอร์ (TCHCON) ที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นจีน โดยสามารถระดมทุนได้ 2,794 ล้านบาท และมี NAV ปัจจุบันอยู่บลจ.ที่ 2,822 ล้านบาท

ขณะที่ในเดือน มี.ค.นี้ บริษัทฯ เตรียมเสนอขาย กองทุน TISCO New Energy Fund (TNEWENGY) โดยเน้นลงทุนธุรกิจพลังงานใหม่ๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) พลังงานลม (Wind Energy) รวมไปถึงธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ซึ่งธุรกิจที่กองทุนดังกล่าวมีแผนลงทุน ล้วนแล้วแต่เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้ดีในอนาค

ทั้งนี้ ตัวเลขอุตสากรรมในปี 2563 กองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) มีเงินไหลเข้ากว่า 1 แสนล้านบาท และในเดือน ม.ค.2564 ยังเป็นการไหลเข้าต่อเนื่องกว่า 6 หมื่นล้านบาท สะท้อนว่านักลงทุนยังหาโอกาสลงทุนในต่างประเทศต่อเนื่อง และหากพิจารณารายอุตสาหกรรม พบว่า กองทุนเทคโนโลยียังได้รับความนิยมต่อเนื่องเช่นกัน โดยมีเงินไหลเข้าต้นปี 2564 รวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

ดังนั้น คาดว่าทั้งปีนี้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวม(AUM)ภายใต้การบริหารของบลจ.ทิสโก้อาจจะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโต 13% หรือเติบโตแตะระดับ 6 หมื่นล้านบาท จาก ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท รับปัจจัยบวกจากกระแสการออกไปลงทุนในต่างประเทศดังกล่าว อย่างไรก็ดี ยังจับตาดูความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านราคาหุ้นที่ปรับขึ้นไปค่อนข้างสูงแล้ว

รวมทั้งยังคาดว่าจะมีนักลงทุนเข้ามาเปิดบัญชีซื้อขายกองทุนของบลจ.ทิสโก้มากขึ้นผ่านช่องทางทั้งสาขาธนาคารทิสโก้ และบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ต่างๆ ที่เป็นตัวแทนจำหน่าย ทั้งที่เป็นธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรี ธนาคารทหารไทย-ธนชาต และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ รวมถึงที่เป็นบริษัทหลักทรัพย์ ตลอดจนช่องทางการซื้อขายกองทุนออนไลน์ “TISCO My Fund” จนทำให้ฐานลูกค้าของบลจ.ทิสโก้เติบโตขึ้นกว่าเท่าตัวจากราว 4-5 หมื่นราย เป็น 8.5 หมื่นรายในปัจจุบัน

 

Share: