สายสโลว์ไลฟ์ต้องไม่พลาด! กับ 3 คสาสโยคะง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน
ฟิตเนส เฟิรส์ท ชวนปรับสมดุลให้ร่างกาย พร้อมลดความเครียดจากการทำงานด้วยคลาสโยคะที่ทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน
โยคะเป็นอีกทางเลือกของการออกกำลังกายที่ไม่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่ในการเล่น เพียงมีที่ว่างสักมุมในบ้านที่อากาศถ่ายเทเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องเป็นห้องแอร์หรือกลางแจ้งจนเกินไป แค่มีเสื่อโยคะสักผืนหรืออย่างน้อยก็ผ้าสักผืนเพื่อรองเข่าไม่ให้ลื่น สวมเสื้อผ้าออกกำลังกายพอดีตัว เท่านี้ก็สามารถเล่นโยคะได้แล้ว
ข้อดีของการบริหารร่างกายที่ผสานกับการหายใจตามหลักโยคะเพียงวันละ 45-60 นาที ก็คือ ความรู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง ได้ปลดล็อกตัวเองจากความเครียดสะสม คลายความเมื่อยล้าและอาการปวดตึงกล้ามเนื้อต่างๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานนานๆ ทั้งยังสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ พร้อมกับปรับโครงสร้างร่างกายให้สมดุลอีกด้วย โดยโยคะจะมีหลายประเภทแตกต่างกันไป บางประเภทมีท่วงท่านุ่มนวลเน้นความผ่อนคลาย บางประเภทเน้นความแข็งแรงด้วยท่วงท่าที่ท้าทาย การเลือกประเภทโยคะให้เหมาะกับแต่ละคน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและเป้าหมายของผู้ฝึก สำหรับมือใหม่หัดเล่นโยคะ หากไม่สะดวกไปเข้าฟิตเนสในช่วง COVID-19 เดี๋ยวนี้มีคลาสโยคะออนไลน์ให้ฝึกตามได้สบายๆ
Fitness First (Thailand) มีคลาสโยคะออนไลน์ที่เหมาะทั้งสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่มีพื้นฐานด้านโยคะมาแล้ว และนี่คือ 3 คลาสโยคะ 3 สไตล์ ที่สามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และลดภาวะเครียดจากการนั่งทำงานนานๆ ระหว่าง Work From Home ได้อย่างดี
Class ที่ 1: ‘Gentle Flow Yoga’ คลาสโยคะขั้นพื้นฐานนี้เหมาะมากสำหรับมือใหม่ รวมถึงสายสโลว์ไลฟ์ เน้นท่าฝึกที่เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ การยืดเหยียดและผ่อนคลายร่างกาย เช่น Pigeon Twist Pose ท่านี้จะช่วยยืดเหยียดข้อต่อสะโพกและคลายกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างที่ถูกกดทับจากการนั่งทำงานนานๆ ทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น เลือดไหลเวียนได้ดีจึงรู้สึกสบายขึ้น สำหรับท่า Cow Face Pose ก็ช่วยลดการปวดตึงของกล้ามเนื้อส่วนบน คือ ช่วงไหล่ สะบัก และหน้าอก
ต่อด้วยท่า Revolved head to knee Pose ที่ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย เช่น บางคนชอบนั่งไขว่ห้างทำให้กล้ามเนื้อสะโพกซ้ายขวาไม่เท่ากัน บางคนไหล่ซ้ายขวาไม่เท่ากันจากการสะพายกระเป๋าข้างเดียวนานๆ ท่านี้จะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อทั้งสองฝั่งให้แข็งแรงและบาลานซ์กัน Spiral Twist Pose เน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อตามแนวกระดูกสันหลังจึงช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้ดี ทั้งยังช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายใน ทำให้ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายดีขึ้น ซึ่งตามหลักโยคะต้องทำท่าทางประสานไปกับการควบคุมลมหายใจ แต่ละท่าจึงควรค้างไว้ 4-6 ลมหายใจ ถ้าอยากให้ลงลึกมากขึ้นก็ค้างไว้ 10 ลมหายใจ เพื่อสร้างความรู้สึกสงบเชื่อมโยงระหว่างร่างกายกับจิตใจ
Class ที่ 2: ‘Body Balance’ สร้างสมดุลจิตใจและความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย เหมาะสำหรับคนที่อยากมีความหลากหลายในการออกกำลังกายหลายๆ สไตล์ เพราะคลาสนี้ผสมทั้งไทชิ และโยคะ คลอไปกับเสียงเพลง มีทั้งหมด 10 แทร็กแตกต่างกันไป เช่น แทร็กที่ฝึกการทรงตัว ความบาลานซ์ ความแข็งแรง หรือแทร็กที่เน้นหน้าท้อง และมีช่วงให้พักเบรกในแต่ละแทร็ก คลาสนี้จึงมีความหลากหลายและชัดเจนมากกว่า แต่ไม่ลงลึกเหมือนคลาสโยคะอื่นๆ
Class ที่ 3: ‘Dynamic Flow Yoga’ คลาสนี้เน้นท่าที่ต้องใช้พลังเพื่อสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ปรับความสมดุลร่างกาย ซี่งช่วยลดอาการบาดเจ็บจากโรคออฟฟิศซินโดรมได้ เช่น King Pigeon Pose การยืดกล้ามเนื้อส่วนหน้า ตั้งแต่หัวไหล่ หน้าอก หน้าท้อง จะช่วยลดอาการปวดหลังจากการนั่งงอตัวบ่อยๆ
Crow Pose และ Flying Crow Pose ท่านี้ใช้ท้องกับแขนในการทรงตัวเพื่อฝึกให้แกนกลางลำตัวและกล้ามเนื้อส่วนบนแข็งแรง ส่งผลให้มีการเคลื่อนไหวและการทรงตัวที่ดี มีความคล่องตัว สามารถใช้แขนและกล้ามเนื้อส่วนบนในชีวิตประจำวันได้ดี รวมถึงคนที่ชอบห่อไหล ท่านี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อเพื่อให้บุคลิกดีขึ้น