“อัลติจูด” ปรับตัวฝ่าวิกฤตโควิดหันใช้โมเดล “Turnkey Development”

491
0
Share:

วิกฤตโควิด-19 กดดันภาคธุรกิจ  “อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ “ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ “ALTITUDE” ปรับตัวให้แตกต่างโ ดยใช้กลยุทธ์ Turnkey  Asset Development”  ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรหรือเจ้าของกิจการจากหลากหลายวงการที่มีที่ดิน หรือมีเงินทุนเพื่อรับจ้างพัฒนาโครงการตั้งแต่ต้นจนจบให้

นายชยพล  หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์  จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป บริษัทจะหันมาให้น้ำหนักกับธุรกิจ Turnkey   Development เพราะเป็นโมเดลธุรกิจที่ให้กำไรมากกว่าการลงทุนทำอสังหาริมทรัพย์เองทั้งหมด และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้มีที่ดิน หรือนักธุรกิจได้ โดยบริษัทจะร่วมมือกับพันธมิตรที่มีที่ดิน หรือมีเงินทุนในการพัฒนาร่วมทั้งรับจ้างบริหารโครงการ ภายใต้แบรนด์ ALTITUDE ซึ่งหนึ่งในพันธมิตรที่ร่วมดำเนินโครงการแล้วคือ บริษัท บิวตี้ เจมส์ จำกัด

“นักธุรกิจหรือเศรษฐีไทยหลายรายมีการสะสมที่ดิน แต่พัฒนาเองไม่ได้ เราจะเข้าไปช่วยตอบโจทย์เรื่องนี้ เรามีหลักเกณฑ์ที่ชัดเขนเป็นมาตรฐาน แต่ไม่ใช่ว่าเราจะรับบริหารได้ทุกแปลง เราจะต้องดูด้วยว่าที่ดินอยู่ในทำเลที่ขายได้จริง มีมูลค่าโครงการอย่างน้อย 200 ล้านบาท ที่สำคัญตอนนี้เรามองเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลก่อน”นายชยพล กล่าว

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการขายโครงการลักซ์ชัวรี่ 4 โครงการ มีมูค่ารวม 2,990 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ ดิ วัน เบลลาจิโอ ที่พักอาศัยบนพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่บนถนนศาลายา จำนวน 12 ยูนิต เริ่มต้นที่ 404 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 34 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 474 ล้านบาท

โครงการอัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท ขนาดพื้นที่เริ่มต้น 66 ตารางวา ราคาริ่มต้น 24.9 ล้านบาท จำนวน 16 ยูนิต มูลค่าโครงการ416 ล้านบาท โครงการ วัน อัลติจูด เจริญกรุง เป็นโครงการที่ร่วมมือกับบริษัทบิวตี้ เจมส์ เป็นคอนโดมิเนียมที่มีขนาดพื้นที่เริ่มต้น 31.8 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท จำนวน 85 ยูนิต มีมูลค่าโครงการ 1,152 ล้านบาท และโครงการอัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง-สาทร เป็นโครงการคอนโดมิเนียมมีขนาดพื้นที่เริ่มต้น30 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.85 ล้านบาท จำนวน 99 ยูนิต มีมูลค่าโครงการ 948 ล้านบาท

นายชยพลกล่าวว่า บริษัทยังมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2564 โดยใช้งบการเงินในปี2564 เป็นฐานในการพิจารณา ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าจะมีกำไร 401 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดไว้ที่ 150 ล้านบาท

 

Share: