อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ชูกลยุทธ์ Collaboration  Marketing จับมือ ‘วู้ดดี้’ ปั้นแบรนด์ ‘DREAMIA’

234
0
Share:

บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) กางแผน INDEX NEXTPERIENCE 2022 สร้างประสบการณ์ช้อปใหม่ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุค Next Normal ชูกลยุทธ์ Collaboration Marketing ผนึกกำลังพันธมิตรทางธุรกิจ ประเดิมจับมือ ‘วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา’ ปั้นแบรนด์ ‘DREAMIA’ หมอนไฮบริด 7 นวัตกรรมจากอเมริกา รองรับความต้องการตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ คาดผลักดันยอดขายกลุ่มสินค้าที่นอนและเครื่องนอนเติบโต 20% พร้อมเผยแผนขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ รุกสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ต่อยอดความเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ และของตกแต่งบ้านแบบครบวงจร เดินหน้าสร้างความยั่งยืนทุกมิติด้วยแนวคิด ‘Sustainable Living for Future Lifestyle’   

นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2022 ยังคงเป็นปีที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยการระบาดของโรคโควิด-19 ถึงแม้สถานการณ์จะไม่รุนแรงเหมือนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว รวมถึงเพื่อตอบรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภค อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ในฐานะของผู้นำตลาดค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ และของตกแต่งบ้าน จึงได้กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2022 ภายใต้วิสัยทัศน์ INDEX NEXTPERIENCE 2022  ที่มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในทุกมิติตอบรับกับอินไซต์ของผู้บริโภคยุค Next Normal ทั้งช่องทางออฟไลน์&ออนไลน์ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI และ Big Data มารวบรวม วิเคราะห์ตัวตน ความชอบ พฤติกรรมการช้อปของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบ Personalization ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการสร้างสรรค์ New Store Format เพื่อประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีของลูกค้า ทั้งการจัดดิสเพลย์สินค้าแต่ละแคทติกอรี่ให้แตกต่างและโดดเด่น ผสานความร่วมมือจากร้านค้าผู้เช่าพื้นที่ด้วยสินค้าและบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการ รวมถึงเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้าภายในสาขาต่าง ๆ มากขึ้น

การขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ INDEX NEXTPERIENCE 2022 ในครั้งนี้ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ยังได้นำกลยุทธ์ Collaboration Marketing ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า โดยในไตรมาสแรกนี้ได้ประเดิมความร่วมมือในรูปแบบ Collaboration กับนายวู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา ในการร่วมสร้างแบรนด์ “DREAMIA” หมอนไฮบริด เพื่อรองรับตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าที่นอนและเครื่องนอน ของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ให้หลากหลาย โดยในปี 2021 กลุ่มสินค้าดังกล่าว มีอัตราการเติบโตถึง 16% มีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ซึ่งการนอนหลับถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม ทั้งนี้ ข้อมูลจากการสำรวจ Super Poll เกี่ยวกับการนอนหลับของคนไทยทั่วประเทศ 1,109 ตัวอย่าง (ณ กันยายน 2564) พบว่า30-40 % ของประชากรไทยหรือราว 19 ล้านคนต้องเผชิญปัญหานอนไม่หลับ โดยระบุสาเหตุจากที่รองนอน ฟูก และหมอน ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการนอนถึง 96.5%

“การเปิดตัวหมอนไฮบริดแบรนด์ DREAMIA ในครั้งนี้ ได้ร่วมกับคุณวู้ดดี้-วุฒิธร ซึ่งนำประสบการณ์จากการใช้งานจริงมาร่วมกันเฟ้นหาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ตอบโจทย์กับผู้ที่มีปัญหาจากการนอน อาทิ ภาวะออฟฟิศซินโดรม ปัญหาระบบภายในร่างกายไม่สมดุล ฯลฯ โดยหมอน DREAMIA นำเสนอความแตกต่างด้วยการนำ 7 นวัตกรรมจากประเทศสหรัฐอเมริกามาใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อสร้างมิติใหม่แห่งการนอนแบบ All in one ทั้งนี้ ได้วางแผนงานด้านการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ DREAMIA โดยนอกจากการได้ร่วม Collaboration กับคุณวู้ดดี้เพื่อทำการตลาดร่วมกันแล้ว ยังได้ทุ่มงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคได้เห็นถึงความสำคัญของการเลือกใช้หมอนที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพการนอน ผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ คาดว่า แบรนด์ DREAMIA จะช่วยผลักดันยอดขายในกลุ่มสินค้าเครื่องนอนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง”

ด้าน นายวุฒิธร มิลินทจินดา พันธมิตรทางการตลาดแบรนด์ DREAMIA กล่าวว่า “ความร่วมมือเพื่อสร้างแบรนด์ DREAMIA ครั้งนี้ มาจากการเล็งเห็นถึงความสำคัญของการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ เพราะร่างกายควรได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากการใช้ชีวิตประจำวันทั้งการทำงาน การเดินทาง การมีหมอนที่นอนสบายเพิ่มประสิทธิภาพการนอน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น จากความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกซื้อหมอนที่ดีช่วยยกระดับการนอนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น”

นางสาวกฤษชนก กล่าวเพิ่มเติมว่า จากแนวโน้มสัญญาณการฟื้นตัวของอสังหาริมทรัพย์และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะมีดีมานด์เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับความต้องการเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ ของตกแต่งบ้าน บริษัทฯจึงได้มีแผนงานขยายสาขาในประเทศ 1 สาขา บนทำเลย่านลาดกระบัง ในรูปแบบ Mixed-use  ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ของปีนี้ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ได้เตรียมขยายสาขาในรูปแบบการให้สิทธิ์แฟรนไชส์กับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ บรูไน เวียดนาม และอินโดนีเซีย  ราว 5 สาขา นอกจากนี้ ยังวางแผน Diversify ไปยังธุรกิจที่มีความ Synergy กับธุรกิจหลัก เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจ หรือขยายธุรกิจที่มองว่ายังมีช่องทางการทำตลาด เพื่อต่อยอดสร้างรายได้เสริมความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านอย่างครบวงจร  โดยปัจจุบันได้เปิด Korean Supermarket ภายใต้ชื่อ SEOUL U MART รวม 2 สาขาตั้งแต่ปลายปี 2564  ทั้งนี้ ในปี 2022 ภายใต้วิสัยทัศน์ INDEX NEXTPERIENCE 2022 รวมถึงการนำกลยุทธ์ในด้านต่างๆ มาขับเคลื่อนการดำเนินงาน จะสามารถผลักดันยอดขายเติบโต 10% ตามเป้าหมาย โดยคาดการณ์ยอดขายรวมอยู่ที่ 8,200 ล้านบาท

นอกจากแผนงานเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในด้านต่างๆ แล้ว อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืนด้วยแนวคิด “Sustainable Living for Future Lifestyle” ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ดำเนินโครงการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทจะคงเดินหน้าสานต่อโครงการต่างๆ และสร้างสรรค์โครงการใหม่ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป

 

Share: