“อินเวสทรี” โตก้าวกระโดด 300 เท่า

273
0
Share:

เปิดแผนรุกคืบตลาดทุนรายย่อยปี 65 ตั้งเป้าออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง เพื่อ SMEs กว่า 1,000 ล้านบาท

 

 

อินเวสทรี เปิดแผนธุรกิจปี 2565 ชูกลยุทธ์ 3 win พิชิตใจ SMEs นักลงทุน และพันธมิตร พัฒนาขยายธุรกิจมุ่งร่วมแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนคุณภาพสำหรับ SMEs เพิ่มโอกาสสร้างรายได้แก่นักลงทุนรายย่อย ด้วยรูปแบบการลงทุนที่ผันผวนน้อยกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น ให้ผลตอบแทนที่จูงใจ 6-26% ต่อปี รวมทั้งจับมือพันธมิตรสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ ควบคู่กับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม

นางสาวณัทสุดา พุกกะณะสุต ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเวสทรี ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ปีนี้บริษัทจะต่อยอดและขยายธุรกิจ ไปสู่ 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก นั่นก็คือ SMEs นักลงทุน และพันธมิตร มากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าจะขยายมูลค่าหุ้นกู้ที่เราออกประมาณ 5 เท่าหรือกว่า 1,000 ล้านบาท ขยายจำนวนนักลงทุน 8 เท่าหรือให้มากกว่า 320 ราย ซึ่งจะมีทั้งนักลงทุนสถาบันที่อยู่ระหว่างการลงทะเบียน และกองทุนต่างประเทศที่กำลังพิจารณาลงทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในสินเชื่อ P2P ในต่างประเทศอยู่แล้ว รวมไปถึงแสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ ที่ให้เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งใน ซัพพลายเชน และในกลุ่มที่เห็นศักยภาพของการร่วมมือกับ Fintech เพื่อนำเครื่องมือที่เรามี ไปใช้ในการทำงานของธุรกิจเขา”

นายวรกร สิริจินดา ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวเสริมว่า “นอกจากการขยายธุรกิจไปใน 3 กลุ่มดังกล่าวแล้ว เรายังเสริมแกร่งระบบหลังบ้านให้พร้อมรับการเติบโตนั่นคือการเสริมแกร่ง 3 กลยุทธ์ความไว้วางใจ ได้แก่ระบบ Cyber Security ที่พร้อมดูแลและติดตามการลงทุนของนักลงทุนได้ ดูแลทรัพย์สินของนักลงทุน ด้วยผู้รับฝากสินทรัพย์ (Custodian) ระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพที่ปลอดภัยจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์ (cyber attack) เสริมประสิทธิภาพของระบบ Credit Scoring ในการวิเคราะห์คุณสมบัติความน่าเชื่อถือของ SME ที่มาออกหุ้นกู้ และ เสริมทีมบุคลากร ที่เข้าใจผลิตภัณฑ์การเงิน เข้าใจเกณฑ์กำกับดูแล เข้าใจความเสี่ยงและความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์ที่ขายกับนักลงทุน เราเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง เป็นที่เชื่อมั่นวางใจได้ เพราะเราเองก็เทียบเท่ากับสถาบันการเงิน ความมั่นคงและการบริหารความเสี่ยงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

ในปี 2564 บริษัทฯเติบโตก้าวกระโดดมากกว่า 300 เท่า โดยมีมูลค่าหุ้นกู้รวมทั้งสิ้นกว่า 221 ล้านบาท คิดเป็น 16% ของมูลค่าตลาดรวม1,391 ล้านบาท และ 29% ของจำนวนบริษัทที่ออกหุ้นกู้ 140 บริษัท มีนักลงทุนที่เข้าใจความเสี่ยงของ SMEs และต้องการช่วย SMEsเพิ่มขึ้นจาก 38 รายเป็น 269 ราย โดยอัตราเฉลี่ยของผลตอบแทนที่ได้รับคือ 11%

“ถึงแม้มูลค่าหุ้นกู้ที่เราออกจะราคาไม่สูงนัก แต่ถ้าดูเปอร์เซ็นต์จำนวนบริษัทที่มาออกหุ้นกู้กับเราจะเห็นชัดเจนว่าเราช่วย SME ที่ต้องการต่อลมหายใจธุรกิจจริงๆ โดยเฉพาะรายย่อยมากๆ ที่ต้องการทุนไปหมุนเวียนในจังหวะที่ขาดสภาพคล่อง ซึ่งมีทั้งการขอออกหุ้นกู้ซ้ำจาก SME รายเดิม 75% และรายใหม่อีก 25% เราทุกคนที่อินเวสทรี เชื่อมั่นว่าทุกๆ คนมีโอกาสเติบโต หรือ Everyone Can Grow ดังนั้น ไม่ควรจะมีใครต้องล้มไปจากความตั้งใจในการทำธุรกิจเพียงเพราะขาดทุนหมุนเวียน ที่ผ่านมาเราช่วยเหลือ SMEs ไปแล้วกว่า 40 บริษัท ซึ่งมีพนักงานรวมๆ แล้วมากกว่า 400 ชีวิตเลยทีเดียว” ณัทสุดา กล่าว

“นอกจากนี้เรายังได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรธุรกิจที่หลากหลายทั้งกลุ่มที่มี supply chain ขนาดใหญ่ เช่น เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เซ็นทรัล รีเทล (CRC) ด้วยเราเห็นโอกาสของการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งใน Value Chain ของกลุ่มเซ็นทรัล ที่จับมือพันธมิตรฝ่าวิกฤตโควิดด้วยแผนช่วยเหลือคู่ค้าและผู้ประกอบการ หาแหล่งเงินทุนเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ที่มากกว่า 50% เป็นSMEs มีผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นคู่ค้าของกลุ่มเซ็นทรัลมาออกหุ้นกู้กับเราประมาณ 20 ล้านบาท”

“อีกกลุ่มที่เป็นพันธมิตรกับเราคือกลุ่มทำธุรกิจบริการทางด้านการเงิน และ ระบบการจัดซื้อบนดิจิทัล แพลทฟอร์ม กลุ่มนี้เราเข้าไปเป็นบริการเสริมทางด้าน CRM และด้านSupply Chain Finance เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจของเขา ขณะเดียวกัน เราก็ได้ลูกค้าจากพันธมิตรด้วย ทั้ง 3 บริษัทนี้เป็นพันธมิตรกับเรามาตั้งแต่เริ่มต้น ได้แก่ 2C2P เป็น Payment gateway พันธวณิช ระบบe-procurement และ FLOWACCOUNT ซึ่งเป็น online accounting software”

วรกร เสริมว่า “จะเห็นว่าการที่เราผนึกกำลังกับพันธมิตรต่างๆ รวมถึงธนาคารพาณิชย์ด้วยนั้นก็เพื่อสร้าง ecosystem ที่สามารถช่วย SME ได้มากกว่าแค่เป็นแหล่งเงินทุน เช่นเราจัดสัมมนาออนไลน์ให้ความรู้ “SMEรู้รอดเล่า” ร่วมกับ 2C2P เป็นต้น ปัจจุบัน กลุ่มเรามองไปเกินกว่าการปล่อยสินเชื่อให้แก่ SME เรามองไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น หุ้นกู้ที่จ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นหลากหลายมากขึ้น”

“สำหรับภาพรวมตลาดการปล่อยสินเชื่อเพื่อ SMEs นั้น ปัจจุบันไทยมีบริษัท จดทะเบียนผู้ประกอบการประมาณ 3 ล้านบริษัท 99% หรือประมาณ 2.9 ล้านเป็น SMEs และมากกว่า 2 ล้านบริษัทนั้นเป็นบริษัทขนาดเล็ก ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับ SMEs ก็ยังคงมีอยู่ ถึงแม้ในตลาดจะมีการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อสูง แต่บริษัทขนาดเล็กยังคงเจอปัญหาเข้าไม่ถึงเงินกู้เหมือนเดิม แน่นอนว่าในภาวะวิกฤตินี้เงื่อนไขบางอย่างของธนาคารกลายเป็นข้อกำหนดที่มาจำกัดสิทธิ์ เช่น ประวัติชำระหนี้ที่ไม่ดีนัก ไม่ยอมชำระหนี้ มีหนี้สินติดค้าง หรือชำระเงินช้าเมื่อถึงกําหนดชำระ หุ้นกู้ crowdfunding จึงมาเปิดโอกาสให้กับ SME และแน่นอนว่าเราก็เห็นโอกาสเติบโตจากตลาดนี้เช่นกัน รวมไปถึงโอกาสจากนักลงทุนไทยที่ก็เปิดกว้างในการเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ซึ่งการลงทุนในหุ้นกู้ คราวด์ฟันดิง ก็ยังผันผวนน้อยกว่าสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ และให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอกว่า SMEs และนักลงทุนที่ต้องการคำปรึกษาจากเราสามารถเข้าไปได้ที่ www.investree.co.th” ณัทสุดา สรุป

Share: