อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ มุ่งรักษาแชมป์บริหารกองทุน FIF นำคนไทยสู่การลงทุนระดับโลก

405
0
Share:

อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ตั้งเป้า AUM แตะ 1 ล้านล้านบาทในอีก 4 ปีข้างหน้า และมุ่งรักษาความเป็นเบอร์ 1 การบริหารกองทุน FIF หลังดำเนินการควบรวมสินทรัพย์ระหว่างบลจ.ทหารไทยและบลจ.ธนชาตในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมผสานพลังพาคนไทยมุ่งสู่การลงทุนระดับโลก

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทหารไทย จำกัด (TMBAM Eastspring) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด (Thanachart Fund Eastspring) กล่าวว่า การดำเนินการควบรวมสินทรัพย์ระหว่าง TMBAM Eastspring) และ Thanachart Fund Eastspring จะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการสุทธิ (AUM) ราว 4 แสนล้านบาท เป็นบลจ.ที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 5 ของประเทศไทย มีส่วนแบ่งทางการตลาด 8% ซึ่งทาง บลจ.ตั้งเป้าหมายผลักดัน AUM ให้เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568 รวมทั้งยังตั้งเป้าหมายในการรักษาความเป็นเบอร์ 1 ของอุตสาหกรรมในตลาดกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF)

อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ (Eastspring) ถือเป็นผู้จัดการสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลกของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล ซึ่งดำเนินธุรกิจหลักในภูมิภาคเอเชียมี AUM ภายใต้การบริหารกว่า 6.57 ล้านล้านบาท มีสาขาครอบคลุมกว่า 11 ประเทศทั่วเอเชีย ขณะที่ Thanachart Fund Eastspring Eastspring มีจุดแข็งด้านการลงทุนเชิงรุกในหุ้น สินทรัพย์ผสม ตลาดเงินและตราสารหนี้ ส่วน TMBAM Eastspring มีความเชี่ยวชาญและโดดเด่นทางด้านหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ตราสารหนี้และกองทุน FIF โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา กว่า 1 ใน 3 ของการออกกองทุนเพื่อระดมทุนครั้งแรก (IPO) เป็นกองทุน FIF มีมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท และเติบโตขึ้นเป็นกว่า 60,000 ล้านบาท ณ สิ้นปีที่ผ่านมา มีกองทุนที่โดดเด่น อาทิ กองทุน T-ES-GINNO และ TMB-ES-GINNO

นายอดิศร กล่าวว่า ตลาดต่างประเทศเป็นตลาดที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กลับผู้ลงทุนได้ในระดับสูง โดยเฉพาะจีนที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ระดับ 7-8% และอินเดียมีอัตราการเติบโตระดับ 7 % เมื่อเปรียบเทียบกับไทยซึ่งปี2564 นี้สภาพัฒน์คาดว่าGDP จะเติบโตราว 2.5% และหุ้นกลุ่มที่ยังน่าสนใจลงทุนจากโอกาสการเติบโตต่อเนื่องยังคงเป็นกลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยี ดังนั้น ในปี 2564 นี้ บลจ.จึงมีแผนที่จะออกและเสนอขายกองทุนใน 4 ซีรีย์ คือ Disruptive Innovation, Technology,Asian Expert และ Sustainable โดยมีเป้าหมายเพิ่ม AUM กว่า 1 แสนล้านบาท จากสิ้นปี2563 ที่ 4.2 แสนล้านบาท มาเป็น 5.2 แสนล้านบาทในปีนี้ ส่วนใหญ่มาจาก FIF ราว 5 หมื่นล้านบาท ที่เหลือเป็นกองทุนตราสารหนี้3-4 หมื่นล้านบาท และกองทุนหุ้นไทย ราว 1 หมื่นล้านบาท

จากโอกาสการสร้างผลตอบแทนจากตลาดต่างประเทศในระดับสูงดังกล่าวนักลงทุนจึงควรจัดพอร์ตการลงทุนโดยให้น้ำหนักการลงทุนในต่างประเทศมากที่สุดในลักษณะการกระจายการลงทุนออกไปในตลาดที่มีโอกาสการเติบโตสูง ส่วนตลาดหุ้นไทยคาดว่าระดับดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวสูงขึ้นได้ไม่เกิน 1,600 จุด โอกาสในการสร้างผลตอบแทนจึงมีไม่มากจึงแนะนำให้ลงทุนราว 5-10% ของพอร์ต

 

Share: