เปิดเกมรุกธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกัน โอกาสใหม่สร้างกำไรและการเติบโตของ “เคทีซี”  

503
0
Share:

วิกฤติโควิด-19 ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนและกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างรุนแรง เป็นตัวกระตุ้นให้แต่ละองค์กรธุรกิจต้องเร่งปรับเปลี่ยนแผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ พร้อมมองหาโอกาสใหม่เพื่อสร้างกำไรมากขึ้น และเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน  “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ปรับตัวอย่างไรในการรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงมาตรการต่าง ๆ อย่างต่่อเนื่องของภาครัฐที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจโดยตรง

สร้างโอกาสใหม่มุ่งขยายธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกัน

“แผนยุทธศาสตร์ของเคทีซีในปี 2564 จะต้องเร่งเปลี่ยนแปลงองค์กรแบบก้าวกระโดด สร้างโอกาสธุรกิจใหม่ให้เคทีซีเติบโตได้มากขึ้นและเร็วขึ้น คู่ขนานไปกับการทำธุรกิจเดิม เน้นทำกำไรแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสร้างคลื่นใต้น้ำจนเป็นพลังคลื่นลูกใหญ่รับเกมธุรกิจที่ไม่มีวันสิ้นสุด (Infinite Game) โดยมุ่งขยายขอบเขตธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันที่หลากหลาย เพื่อให้เคทีซีเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาดที่ผู้บริโภคมองหา” นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคทีซี กล่าว

แม้ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ แต่เคทีซีคาดว่าจะสามารถสร้างกำไรสุทธิในปี 2564 ทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,332.87 ล้านบาท ผ่านการดำเนินธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อบุคคล ซึ่งบริษัทฯ จะมุ่งรักษาคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ที่ดี เน้นรักษาฐานสมาชิกปัจจุบันด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านกิจกรรมส่งเสริมการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งให้ความสำคัญกับระบบปฏิบัติการและระบบไอทีที่มีเสถียรภาพ เพื่อให้สมาชิกเกิดความมั่นใจและได้รับความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยทุกครั้งที่ทำรายการธุรกรรม พร้อมเสริมทัพด้วยธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ “เคทีซี พี่เบิ้ม” ที่คาดหวังจะมุ่งขยายตลาดเป็นหลักในปีนี้ ด้วยความที่เป็นสินเชื่อมีหลักประกันซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนรวดเร็ว สอดคล้องกัยภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

กลยุทธ์ธุรกิจก้าวสู่เป้าหมายทำกำไร New High

ทั้งนี้ เป้าหมายการทำกำไรสุทธิ New High ในปีนี้ของเคทีซี ยังไม่ได้รวมถึงการเข้าถือหุ้นในบริษัท กรุงไทยธุรกิจ ลีสซิ่ง จำกัด หรือ เคทีบี ลีสซิ่ง สัดส่วน 75.05% ซึ่งจะทำให้เคทีซีสามารถทำธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งทุกประเภท ต่อยอดธุรกิจสินเชื่อมีหลักประกันได้อย่างครบวงจร และยังได้ใช้ประโยชน์จากสาขาและฐานลูกค้าที่มีอยู่เดิม ทั้งนี้บริษัทฯจะเข้าไปศึกษาระบบในเคทีบี ลีสซิ่ง และคาดว่าจะเริ่มออกแบบโมเดลธุรกิจได้หลังผ่านการประชุมผู้ถือหุ้น

สำหรับกลยุทธ์ของธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ “เคทีซี พี่เบิ้ม” ซึ่งเป็นธุรกิจน้องเล็กที่เพิ่งเข้ามาเมื่อปลายปี 2563 วางเป้ายอดสินเชื่อในปี 2564 ไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะมุ่งขยายตลาดผ่านระบบออนไลน์ มีทีมงาน “พี่เบิ้ม Delivery” ติดต่อประสานงานกับลูกค้าเป้าหมายโดยตรง และขยายพื้นที่ให้บริการไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เริ่มต้นที่ภาคตะวันออก ภาคเหนือตอนบนและภาคใต้ตอนบน อีกทั้งร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ และธนาคารกรุงไทย ขยายฐานสมาชิกและออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ ตลอดจนร่วมมือกับเคทีบี ลิสซิ่ง เพื่อหาโอกาสต่อยอดและสนับสนุนธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถร่วมกัน เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการกลุ่มเป้าหมาย

ส่วนธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2564 ตั้งเป้ามียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 8% หรือประมาณ 210,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ลดลง 7.7% ซึ่งในเดือนมีนาคมนี้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และคาดหวังว่าในเดือนต่อไปจะมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถกลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยจะยังใช้คะแนน KTC FOREVER ขับเคลื่อนกิจกรรมการตลาด เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการใช้จ่ายผ่านบัตร อีกทั้งรักษาและขยายความแข็งแรงของเครือข่ายพันธมิตรคู่ค้า เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรและสนับสนุนการเติบโตของพันธมิตรด้วยผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ เน้นส่งเสริมการตลาดในลักษณะออนไลน์มากขึ้น ตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้บัตรของผู้บริโภคปัจจุบัน ที่เปลี่ยนจากใช้เงินสดมาจ่ายผ่านบัตรเครดิต รวมถึงสร้างคอนเทนท์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีผ่านช่องทางสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับสินเชื่อบุคคล ตั้งเป้ารักษายอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลในปีนี้ให้ใกล้เคียงกับปี 2563 ที่มียอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลรวม 29,915 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์การตลาดสร้างความผูกพันกับฐานสมาชิกเดิม วางตัวเป็นบัตรกดเงินสดใบแรกที่ลูกค้านึกถึงเมื่อจำเป็นต้องใช้เงิน ออกแคมเปญแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและส่งเสริมให้สมาชิกมีวินัยการชำระเงิน อีกทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้บริการออนไลน์มากขึ้น ด้วยจุดเด่น “รูด โอน กด ผ่อน” ภายในบัตรเดียวกับบริการเบิกเงินสดออไนลน์ผ่านแอปฯ “KTC Mobile” 24 ชั่วโมงแบบเรียลไทม์เข้าบัญชีธนาคารได้ถึง 13 ธนาคาร และบริการเพิ่มวงเงินฉุกเฉินหรือขอรหัสเบิกถอนเงินสดที่ทำรายการได้เองตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ จะเดินหน้าสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกค้าอย่างยั่งยืน

คัดเข้มลูกค้าบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว”

ทั้งนี้ การขยายฐานสมาชิกบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” จะให้ความสำคัญกับการคัดกรองผู้สมัครมากขึ้น เพื่อให้ได้กลุ่มลูกค้าคุณภาพที่ต้องการสินเชื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและมีวินัยทางการเงิน ลดความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันและอัตราหนี้ครัวเรือนที่ยังสูงผ่านสี่ช่องทางหลักคือ ธนาคารกรุงไทย ผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินเคทีซี (อิสระ) ทั่วประเทศ เคทีซี ทัช ทุกสาขา และเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายทางโทรศัพท์ โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายจำนวนสมาชิกใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือ 235,000 ใบ และสมาชิกบัตรกดเงินสดเคทีซี พราว 135,000 ราย

“บริษัทตั้งเป้ารักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอลปีนี้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อน จากการคัดกรองผู้สมัครมากขึ้น ส่งผลให้ปีนี้การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ตั้งสำรองฯ ไว้ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันยังคงทยอยตัดหนี้สูญอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้ว่าผลการดำเนินงานของเราในไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา ค่อนข้างจะหนักมาก เพราะตั้งสำรองเต็มๆ และในไตรมาส 3 ได้ write-0ff ก้อนใหญ่มาก ประมาณ 3,000 ล้านบาท แต่คิดว่านั้นคือสิ่งที่เราควรทำ และเป็นการตัดสินใจที่ถูก และในปีนี้เรามั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรสุทธินิวไฮได้” นายระเฑียรกล่าว

 

Share: