เศรษฐกิจฟื้นช้าตลาดหุ้นไทยไร้แรงดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติ

342
0
Share:

 

ผู้จัดการกองทุนชี้ตลาดหุ้นไทยยังไม่ดึงดูดใจให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้า เหตุเศรษฐกิจไทยฟื้นช้า มองมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณแม้รัฐบาลพยายามกระตุ้นเต็มสูบ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวและบริการต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว กังวลความไม่แน่นอนในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ภายในประเทศ แนะให้น้ำหนักการลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก

นายติยะชัย ชอง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและจีนส่งสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในขณะนี้  โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ใช้นโยบายในการช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้เม็ดเงินสูงถึง 6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 25% ของGDP นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้มีฐานะดีในสหรัฐฯ ยังมีเงินออมเพิ่มขึ้น เพราะชะลอการเดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังปรับตัวในทิศทางที่ดี เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนหุ้นเมกะเทรนด์ กลุ่มเทคโนโลยีนวัตกรรม เช่นเดียวกับตลาดหุ้นจีนซึ่งถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ ๆ ของโลก

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันดัชนีอยู่ที่ 1,500 จุด มีค่า P/E เรโชที่ 30 เท่า ถือว่าค่อนข้างแพงเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ประกอบการกับเศรษฐกิจไทยพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวและบริการเป็นหลักซึ่งการฟื้นตัวจะล่าช้า เพราะต้องใช้ระยะเวลากว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง รวมทั้งงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยเทียบกับสัดส่วนGDP แล้วถือว่ายังน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นไทยขาดแรงจูงใจในการดึงดูดเงินทุนต่างชาติให้ไหลเข้ามาลงทุน ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นจากระดับปัจจุบันได้เพียง 5-10%

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรมองหาโอกาสการลงทุนทั้งหุ้นและตราสารในต่างประเทศที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยเลือกกลุ่มเมกะเทรนด์ที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตในระยะ 5-7 ปี รวมทั้งกลุ่มพลังงานทดแทน ซึ่งในปีนี้ บลจ.ฟิลลิป มีแผนที่จะออกกองทุนใหม่ ๆ เพื่อลงทุนตามแนวเมกะเทรนด์ดังกล่าว โดยตั้งเป้าหมายว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวม (NAV) ภายใต้การบริหารจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก จากปัจจุบันที่ราว 3.3 พันล้านบาท

 

Share: