แสนสิริ โชว์ผลงานครึ่งปี 64 กวาดยอดขาย–ยอดโอน เกินเป้า ครึ่งปีหลังลุยเปิด 20 โครงการใหม่

527
0
Share:

แสนสิริ ตอกย้ำความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาฯ โชว์ผลงานรอบ 6 เดือน ปี 64 กวาดยอดขายทะลุ 17,600 ล้านบาท ระบุมองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี จากตัวเลขยอดขายตลาดต่างจังหวัดและยอดโอนตลาดต่างชาติ เตรียมแผนครึ่งปีหลัง ลุยเปิด 20 โครงใหม่ มูลค่ารวม 19,400 ล้านบาท รับสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)หรือ SIRI เปิดเผยว่า ความแข็งแกร่งในธุรกิจอสังหาฯ ของแสนสิริจากการมองตลาดเร็วและพร้อมปรับตัวรองรับทุกสถานการณ์ ตลอดเวลา (Speed to Market) ส่งผลให้แสนสิริมีผลงานที่แข็งแกร่ง โดยในครึ่งปีแรกบริษัทสร้างยอดขายรวมไปได้ถึง 17,600 ล้านบาท คิดเป็น 57% จากเป้าหมายยอดขาย 31,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายจากโครงการแนวราบ 12,000 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 5,600 ล้านบาท โดยผลงานในไตรมาสที่ 2 บริษัทมียอดขายสูงถึง 10,000 ล้านบาท โตขึ้น 32% จากไตรมาสแรกที่มียอดขาย 7,600 ล้านบาท

ความสำเร็จของยอดขายในครึ่งปีแรก มาจากการปิดการขายโครงการ 5 โครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ แสนสิริยังตอกย้ำความสำเร็จของการเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาฯ ไทยในตลาดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ด้วยความสำเร็จของโครงการ “BuGaan เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์” ระดับราคา 35.9 – 80 ล้านบาท ที่กวาดยอดขายไปถึง 75% จากมูลค่าโครงการ รวมทั้งการเป็น “ผู้นำการพัฒนาแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับบน” ด้วยยอดขายแบรนด์เศรษฐสิริ และ บุราสิริ ที่มียอดขายที่ดีต่อเนื่อง ขณะที่โครงการทาวน์โฮมแบรนด์ สิริ เพลส ซีรีย์ใหม่ “Dream Destination” ที่รุกเปิดตัวในปีนี้ ก็ได้รับความสนใจและกระแสตอบรับที่ดีในทั้ง 2 โครงการ รวมถึงความร้อนแรงของซีรีย์คอนโดมิเนียมแบรนด์ “THE MUVE” (เดอะมูฟ) ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่โครงการแรก ปิดการขาย “เดอะ มูฟ เกษตร” จากยูนิตที่เปิดขาย 

นอกจากนี้ แสนสิริยังมีผลงานการโอนที่โดดเด่นในครึ่งปีแรก โดยมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 16,400 ล้านบาท เกินเป้าหมายในช่วงครึ่งปีแรก หรือคิดเป็น 53% จากเป้าหมายยอดโอน 31,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดโอนในไตรมาส 2 อยู่ที่ 8,800 ล้านบาท โตขึ้น 14% จากไตรมาสแรกที่มียอดโอน 7,700 ล้านบาท และแบ่งเป็นยอดโอนจากโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในสัดส่วน 55 : 45 โดยทั้งนี้ สถานการณ์ปิดแคมป์ก่อสร้าง เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด– 19 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการโอนและรับรู้รายได้ ในไตรมาส 2 เนื่องจากที่อยู่อาศัยที่ต้องส่งมอบได้สร้างเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งแสนสิริได้เตรียมทำแผน catch up งานก่อสร้างหลังกลับมาเริ่มก่อสร้างได้ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงมั่นใจในผลการดำเนินงานที่จะทำได้ตามเป้าหมาย สามารถส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าได้ตรงเวลา 

 แสนสิริยังมองแง่บวกถึงทิศทางข้างหน้าที่ต้องปรับตัวให้เร็ว รองรับความต้องการลูกค้าและการกลับมาของตลาด ก่อนการเปิดประเทศและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นเพื่อพร้อมวิ่งก่อนใคร โดยบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง อีก 20 โครงการ มูลค่ารวม 19,400 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและมิกซ์โปรดักส์แบรนด์อณาสิริ 8 โครงการ มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท ทาวน์โฮมแบรนด์สิริเพลสและแบรนด์ใหม่ล่าสุด 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,300 ล้านบาทและโครงการคอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่ารวม 5,600 ล้านบาท

“หากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4 ซึ่งรวมไปถึงเศรษฐกิจในเมืองท่องเที่ยวที่จะเริ่มฟื้นตัวจากการกลับเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ ภาคเอกชนในธุรกิจต่างๆ จะเร่งพลิกฟื้นธุรกิจภายหลังจากที่ประเทศต้องฝ่าวิกฤตโควิด–19 มามากกว่า 1 ปี ขณะที่ศักยภาพเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป จะพร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ ให้กลับมาคึกคักและสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งอีกครั้ง ทั้งนี้ แสนสิริยังมองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี จากยอดขายในตลาดต่างจังหวัดที่เริ่มมียอดขายที่ดีขึ้น รวมถึงยอดโอนในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยล่าสุด แสนสิริได้เริ่มรุกตลาดเชียงใหม่ ด้วยการเปิดตัว “1517 NIMMAN” (1517 นิมมาน) Co – Business I Living Space  ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท ซึ่งปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก หลังจากเริ่มเปิดตัวโครงการ ขณะที่ตลาดท่องเที่ยวในภูเก็ต ก็มีทิศทางที่ดี จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ภายใต้โครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์” ทำให้ตลาดเริ่มกลับมาคึกคักยังรวมถึงสัญญาณที่ดีในตลาดต่างชาติ จากยอดโอน XT ห้วยขวาง ซึ่งกลุ่มลูกค้าต่างชาติให้ความเชื่อมั่นแสนสิริ และตอบรับโอนไปแล้วกว่า 60%” นายอุทัย กล่าวปิดท้าย

 

Share: