“ไม่อ้วนเอาเท่าไร”

861
0
Share:

ทลายกรอบคิด “beauty standard” สวยอย่างมั่นใจ สุขภาพกายแข็งแรง

 

 

ด้วยไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คนในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่เรื่องอาหารการกิน วิถีก้มหน้าอยู่กับสมาร์ทโฟน ภาวะเนือยนิ่ง รวมถึงความเครียดที่สะสม ล้วนส่งผลเสียแก่ร่างกาย จนหลายคนเริ่มเข้าสู่ “ภาวะน้ำหนักเกิน” และ “โรคอ้วน” ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง ข้อเข่าเสื่อม โรคในกลุ่ม NCDs หรือเรียกได้ว่าโรคในกลุ่มพฤติกรรมการใช้ชีวิต อื่นๆ รวมไปถึงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้

“การลดความอ้วน หรือ การลดน้ำหนัก จึงเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วนที่ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม สร้างความมั่นใจเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการได้สุขภาพที่ดีกลับคืนมาแก่ร่างกายอีกด้วย” แพทย์หญิงชุติมา เกิดศิริ แพทย์ประจำศูนย์ Premier Life Center รพ.พญาไท 2 กล่าว

แต่การจะลดน้ำหนักให้ได้ผลดีต่อสุขภาพร่างกายนั้น เราจะต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจ “ภาวะน้ำหนักเกิน” และ “โรคอ้วน” กันเสียก่อนว่าเกิดจากอะไร และแค่ไหนจึงจะเรียกว่าอ้วน

ภาวะน้ำหนักเกิน และ โรคอ้วนคืออะไร
ภาวะน้ำหนักเกิน และ โรคอ้วน ถือเป็นภาวะที่มีการสะสมไขมันมากผิดปกติในร่างกาย โดยในทางการแพทย์ดูได้จากตัวเลขของ “ดัชนีมวลกาย” ( BMI ถ้า > 23 =น้ำหนักเกิน ถ้า> 25 =โรคอ้วน ) ซึ่งสามารถคำนวณเองได้ด้วยสูตรง่าย ๆ คือ เอาน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูง เป็นเมตรยกกำลังสอง (kg/m2)

แม้ว่า สาเหตุหลักของความอ้วนที่ส่วนใหญ่จะทราบกันดีนั่นก็คือ การบริโภคแบบตามใจปาก ขณะที่ออกกำลังกาย เผาผลาญพลังงานน้อยกว่าที่รับเข้ามา ทำให้เกิดการสะสมเป็นไขมันส่วนเกินได้ง่ายและรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังความอ้วนนั้นยังมีอีกหลายสาเหตุ อาทิ ภาวะฮอร์โมนผิดปกติ เช่น ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ ความเครียดสะสม นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ระบบเผาผลาญที่ไม่ดี หรือเกิดจากการรับประทานยาบางชนิด ดังนั้นจึงควรค้นหาสาเหตุที่แท้จริง หากต้องการลดความอ้วนให้ได้ผล

วิธีลดน้ำหนักที่เหมาะสม ต้องทำอย่างไร
ข้อแนะนำเบื้องต้น สำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน คือ ให้ลดการรับประทานอาหารประเภทของทอด ลดไขมันอิ่มตัว ของผัดน้ำมัน ของมัน ลดคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น น้ำตาล ขนมหวาน ขนมกรุบกรอบ น้ำหวาน แป้งขัดขาว ซึ่งให้พลังงานสูงและกระตุ้นอินซูลิน

พร้อมกันนี้ ก็ให้เพิ่มการรับประทานผักใบเขียว ผลไม้ไม่หวาน อาหารที่มีกากใยสูง ธัญพืชไม่ขัดสี ซึ่งจะให้ทำอิ่มได้นานขึ้น และยังได้วิตามินที่ดีต่อร่างกาย

และที่สำคัญ คือ ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที โดยให้หัวใจเต้นแรงขึ้นขณะออกกำลังกาย ร่วมกับการออกกำลังกายแบบมีแรงต้านเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพราะกล้ามเนื้อที่มากขึ้นจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

แต่ทั้งนี้ สำหรับในรายที่คุมน้ำหนักไม่ได้ด้วยวิธีดังกล่าว อาจพิจารณาเรื่องการใช้ตัวช่วยลดน้ำหนัก ซึ่งต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์

“ปากกาลดความหิว” นวัตกรรมการลดน้ำหนัก
ที่ผ่านมา ได้มีความพยายามพัฒนานวัตกรรมการลดน้ำหนักให้เลือกหลายรูปแบบ แต่ที่กำลังถูกพูดถึงมากในระยะหลังก็คือ “ปากกาลดความหิว” ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนักชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นแท่งคล้ายกับปากกา การใช้งานจะเป็นการฉีดยา ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งเข้าไปบริเวณใต้ผิวหนังเพื่อช่วยคุมความอยากอาหารให้ลดลง รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น เป็นการเพิ่ม ประสิทธิภาพในการควบคุมอาหารและลดน้ำหนักได้ดีขึ้น

แต่ทั้งนี้ ปากกาลดความหิว หรือที่บางคนก็เรียก ปากกาลดน้ำหนัก นั้น มีข้อบ่งใช้สำหรับการลดน้ำหนักสำหรับ “ผู้มีภาวะน้ำหนักเกิน” หรือเป็น “โรคอ้วน” ร่วมกับปัญหาด้านสุขภาพ เช่น เบาหวาน ความดันเลือดสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ หรือปัญหาภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับเนื่องจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ

จุดเด่นและข้อควรระวังของปากกาลดความหิว
ตัวยาสำคัญของปากกาลดความหิว คือ ลิรากลูไทด์ (Liraglutide) ซึ่งออกฤทธิ์ในสมองคล้าย ฮอร์โมนGLP-1 ตัวช่วยสำคัญควบคุมศูนย์หิว ศูนย์อิ่มของร่างกาย ตัวยานี้จะควบคุมความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ไม่ค่อยหิว ลดการผลิตน้ำตาลในเลือด เพิ่มความไวของอินซูลินที่ตับอ่อนและกล้ามเนื้อ รวมถึงลดการเคลื่อนที่ของกระเพาะอาหารทำให้อาหารอยู่ท้องนานขึ้น ลดความอยากอาหารส่งผลให้ รู้สึกอิ่มและหิวน้อยลง

อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่ต้องรู้ไว้เมื่อใช้ปากกาลดความหิว คือด้วยกลไกการทำงานของยาที่ฉีดเข้าไป มีผลในการลดอัตราการบีบตัวของลำไส้ จึงมีโอกาสที่จะทำให้เกิดท้องผูก รวมถึงการที่ตัวยาส่งผลทำให้รู้สึกอิ่มไว ผู้ใช้ยาจึง อาจคลื่นไส้ พะอืดพะอมได้ง่ายเวลาทานอาหาร โดยเฉพาะเมื่อทานแบบเร่งรีบ หรือทานมื้อใหญ่ๆ ในปริมาณมาก

“การที่ยาดังกล่าวมีข้อควรระวังในการใช้กับผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคตับ โรคเบาหวาน ถุงน้ำดีอักเสบ และนิ่วใน ถุงน้ำดี ไทรอยด์หรือโรคเกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อ มะเร็ง รวมไปถึงร่างกายแต่ละคนมีพยาธิสภาพ ระดับฮอร์โมนต่างๆ ที่แตกต่างกัน ดังนั้นการใช้ปากกาลดความหิวเป็นตัวช่วยเพื่อการลดน้ำหนัก จะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ ทั้งเพื่อปรับ ตัวยาให้เหมาะสม รวมถึงให้คำแนะนำด้านโภชนาการ และการออกกำลังกายที่เหมาะสม จึงจะช่วยให้การลดน้ำหนัก เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ไม่ควรหาซื้อมาใช้ด้วยตัวเอง” แพทย์หญิงชุติมา กล่าวเตือน

 

Share: