ASW เล็งขาย 206 ล้านหุ้น ปลายเดือน เม.ย.นี้ มั่นใจรายได้-กำไรพุ่งต่อเนื่อง
“แอสเซทไวส์” เดินหน้าขายหุ้น IPO จำนวน 206 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท ปลายเดือน เม.ย. นี้ ชูจุดขายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราทำกำไรสูงกว่าคู่แข่ง มั่นใจปีนี้โชว์รายได้-กำไร เติบโตต่อเนื่อง หลังตุน Backlog กว่า 7.8 พันล้านบาท พร้อมเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 1.08 หมื่นล้านบาท
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) และประธานกรรมการบริหาร บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทแอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คาดว่า ASW จะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 206 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.07% ของจำนวนหุ้นสามัญที่เรียกชำระแล้ว ราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทได้ราวปลายเดือนเมษายน 2564 นี้ พร้อมทั้งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดย ASW มีจุดเด่นจากเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง แต่มีความสามารถทำอัตราการทำกำไรขั้นต้นได้สูงถึง 44.2% และอัตราการทำกำไรสุทธิ 20.6% ในปี 2563 ที่ผ่านมา สูงกว่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่จะมีอัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ 33% อัตราการทำกำไรสุทธิเฉลี่ยที่ 12% เนื่องจาก ASW จะเลือกซื้อที่ดินในทำเลที่มีคู่แข่งน้อย และถือเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เจ้าแรก ๆ ที่เข้าไปในทำเลใหม่
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังสดใส ตลาดหุ้น IPO ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุน สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างดี โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยบวกจากการทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของทุกประเทศ รวมทั้งทั่วโลกยังมีสภาพคล่องสูง สะท้อนได้จากการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐ แม้จะอยู่ในภาวะบอนด์ยีลพันธบัตรรัฐบาล อายุ 10 ปี มีการปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
ด้านนายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของ ASW ในระยะ 5 ปี (2564-2568) ว่า บริษัทมีแผนจะเปิด 11 โครงการใหม่มีมูลค่ารวม 21,202 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่จะเปิดในปีนี้ 6 โครงการ มูลค่า10,850 ล้านบาท ส่วนใหญ่ยังเน้นแบรนด์โครงการคอนโดมิเนียมเป็นหลัก ทั้งโครงการโมดิช (Modiz) โครงการแอทโมซ (Atmoz) และโครงการเคฟ (Kave) ขณะที่ปีหน้าจะเปิด 5 โครงการ รวมมูลค่า 8,608 ล้านบาท โครงการที่เหลือจะทยอยเปิดในปีถัดไปปีละ 3 โครงการ
ASW มียอดขายรอโอน (Backlog) 7,848 ล้านบาท รับรู้รายได้ในปีนี้ 5,302 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้จนถึงปี 2566 ขณะที่มีรายได้ 3 ปี (2561-2563) ย้อนหลังที่ 4.34 ล้านบาท ,2.62 ล้านบาท และ 4.20 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 557 ล้านบาท, 297 ล้านบาท และ 871 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าในปีนี้ทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่าปีก่อน เนื่องจากประเมินภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่กลับมาหลังเริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำและภาครัฐยังคงสนับสนุนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์
