SHOPLINE มั่นใจตลาดอีคอมเมิร์ซไทยครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง พร้อมเปิดบริการใหม่รับตลาดโซเซียลคอมเมิร์ซที่มาแรง

2045
0
Share:

SHOPLINE ผู้นำระบบจัดร้านค้าบนอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร เปิดเทรนด์ โซเซียลคอมเมิร์ซที่กำลังมาแรงในประเทศไทยที่ร้านค้าออนไลน์ต้องรู้ พร้อมประกาศแผนงานครึ่งหลังของปี 2564 รองรับการเติบโตของโซเซียลคอมเมิร์ซ พร้อมเปิด 2 ฟีเจอร์ใหม่ ทั้ง LIVE Bidding เป็นฟีเจอร์การประมูลสินค้าอัตโนมัติ เป็นรายแรกที่ให้บริการในประเทศไทย และ Golden Minutes นาทีทอง ช่วยเพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ประกอบการ มั่นใจครึ่งปีหลังลูกค้าเติบโตขึ้นเท่าตัวโควิด-19 ไม่กระทบต่อพฤติกรรมลูกค้าใช้จ่ายออนไลน์

 

 

นายชนนันท์ ปัญจทรัพย์ Country Manager, SHOPLINE Thailand ให้สัมภาษณ์พิเศษว่า แนวโน้มตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยในครึ่งปีหลัง 2564 มีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด -19 เนื่องจากผู้บริโภคต่างให้ความสนใจกับการเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซในระดับสูง เห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีแรก ผู้บริโภคคนไทยมีการใช้จ่ายผ่านอีคอมเมิร์ซ ผ่านแพลตฟอร์มโซเซียล คอมเมิร์ซ (Social commerce) ต่างๆ สูงถึงระดับ 1,000-3,000 บาทต่อคน ทำให้ประเมินว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยตลอดทั้งปี 2564 จะมีขยายตัว 15-20% ต่อเนื่องไปจนถึงในปีหน้าเช่นกัน

“ในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยที่กำลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค จึงต้องขึ้นอยู่กับการผลักดันเรื่องการฉีดวัคซีนของประเทศไทยให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่มั่นใจว่าตลาดอีคอมเมิร์ซจะเป็นช่องทางสำคัญที่ผู้บริโภคต่างเลือกใช้จ่ายในระดับสูง โดยเฉพาะผ่านการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มโซเซียล คอมเมิร์ซต่างๆ ในไทยที่เติบโตสูงสุด และทำให้เกิดการจัดทำ ไลฟ์สด (Live commerce) ได้รับความนิยมอย่างมาก” นายชนนันท์ กล่าว

ทั้งนี้มีผลการสำรวจของการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มโซเซียลคอมเมิร์ซต่างๆ ของคนไทยในช่วงที่ผ่านมาพบว่า จะเลือกใช้งานผ่านช่องทางของ Facebook มากที่สุดอยู่ที่ 58% รองลงมาเป็น Line 35% ตามมาด้วย Instagram 21% และ Twitter 11% ตามลำดับ โดยคนไทยมีการใช้เวลาผ่านโซเซียลคอมเมิร์ซประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน และช่วงเวลาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการไลฟ์จำหน่ายสินค้า คือ 19.00 น. จึงเป็นโอกาสของร้านค้าออนไลน์และผู้ประกอบการต้องเข้ามาทำตลาดในเวลานี้

ทั้งนี้โซเซียลคอมเมิร์ซที่ขยายตัวสูงส่งผลทำให้มูลค่ารวมของยอดขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของประเทศไทยในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2564 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 300% เมื่อเทียบกับยอดขายไตรมาสแรก เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 160% มีจำนวนคำสั่งซื้อเติบโตเพิ่มขึ้น 210% จำนวนการถ่ายทอดสดเพิ่มขึ้น 300% รวมทั้งจำนวนความคิดเห็นเพิ่มขึ้น 283% โดยในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซจะมีออเดอร์สูงสุดในวันจันทร์ และออร์เดอร์สูงสุดในช่วง 20.00 น.

กลุ่มสินค้าที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคและมีการเลือกซื้อผ่านอีคอมเมิร์ซสูงสุด 5 กลุ่มดังนี้
อันดับแรกเป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สัดส่วน 28% อันดับสองผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล สัดส่วน 16%
ตามมาด้วยกลุ่มโทรศัพท์มือถือและสมาร์ทโฟน สัดส่วน 8% และของใช้ในบ้าน สัดส่วน 6%
อันดับสุดท้ายเป็นกลุ่มสินค้าเพื่อความสวยงาม สัดส่วน 5% ส่วนการซื้อสินค้าของ Live Commerce หมวดหมู่ยอดนิยมจะเป็น ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ สัดส่วน 37% เครื่องแต่งกาย 28% และหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 24%

นายชนนันท์ ปัญจทรัพย์ กล่าวต่อว่า SHOPLINE แพลตฟอร์มการให้บริการอีคอมเมิร์ซและโซเซียลคอมเมิร์ซแบบครบวงจร หรือ A Global Smart Commerce Enabler ได้เริ่มเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 โดยได้เข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทยเป็นระยะเวลา 8 เดือนแล้ว ที่มีกลุ่มลูกค้าสนใจเข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจขนาดใหญ่และเอสเอ็มอี โดยในครึ่งปีหลังจะขยายบริการใหม่รองรับตลาดเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซในไทย โดยเฉพาะโซเซียลคอมเมิร์ซ จึงจะเปิดให้บริการฟีเจอร์ใหม่ 2 รายการ ได้แก่ LIVE Bidding เป็นฟีเจอร์การประมูลสินค้าอัตโนมัติ และ Golden Minutes นาทีทอง สำหรับร้านค้าที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกับลูกค้า เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมและความน่าสนใจให้แก่ลูกค้า รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาทำฟีเจอร์ใหม่อีกหลายรายการที่เน้นสร้างนวัตกรรม เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าคนไทยโดยเฉพาะ

“โดยได้วางเป้าหมายจะให้ SHOPLINE ติดอันดับหนึ่งในสามของ Smart Commerce Enable ไทยภายในปีนี้และจากแผนงานที่วางไว้จะทำมีกลุ่มลูกค้าเข้ามาใช้บริการเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากช่วงครึ่งปีแรก พร้อมกับการร่วมให้บริการและจัดสัมมนาให้ความรู้แก่ลูกค้าอย่างใกล้ชิด” นายนายชนนันท์ กล่าวปิดท้าย

Share: