SPCG จับมือ PEA ENCOM ตั้งบริษัทร่วมทุน ขายไฟในพื้นที่ EEC หวังดึงเงินลงทุนต่างชาติ

427
0
Share:

เอสพีซีจี จับมือ บริษัทลูกการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตั้งบริษัทร่วมทุน SET  Energy ใช้เงินลงทุน 23,000 ล้านบาท เพื่อผลิต-จำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ป้อนพื้นที่อีอีซี หวังสร้างความเชื่อมั่นเพื่อดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนทั่วโลกเข้ามาลงทุน

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เผยว่า บริษัทได้ร่วมกับบริษัท พีอีเอเอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ PEA ENCOM จัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท SET Energy ที่มี SPCG ถือหุ้นในสัดส่วน 40% กลุ่มมิตซู พาวเวอร์ กรุ๊ป ถือหุ้น  40 % และ PEA Encom ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PEA ถือหุ้น 20% เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อป้อนให้กับพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี

ทั้งนี้ การจำหน่ายไฟฟ้าจะครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ ระยอง ส่งเสริมให้เป็นพื้นที่ใช้พลังงานสะอาดและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายรองรับนักลงทุน ผู้ประกอบการ ในพื้นที่ และประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดการเกิดปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งสอดคล้องและเป็นไปตามแผนการพัฒนาสิ่งแวดล้อม และ นำไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy การพัฒนาที่ยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยให้พื้นที่มีคาร์บอนต่ำ (Low Carbon society) นำไปสู่ผลสำเร็จของโครงการจัดหาไฟฟ้าพลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) และพลังงานสำรอง (ระบบกักเก็บพลังงาน) โดยมีป้าหมายระยะแรกไม่น้อยกว่า 500 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ปี 2564-2569 มีมูลค่าการลงทุนกว่า 23,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ SPCGยัง มีแผนจะขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ เพื่อรับสิทธิ์ยกเว้นและลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยเบื้องต้นจะพัฒนาโคงการแล้วเสร็จ 300 เมกะวัตต์ ภายในปี  2564 และอีกไม่น้อยกว่า 200 เมกะวัตต์ ภายใน  2569 ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะทยอยรับรู้รายได้ ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป และโครงการนี้จะช่วยให้เกิดการจ้างงานกว่า 50,000 คน ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิต เนื่องจากลดการปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) ได้ไม่น้อยกว่า 11 ล้านตันคาร์บอน ภายในระยะเวลา 30 ปี หรือประมาณ 4 แสนตันคาร์บอนต่อปี

การลงทุนในโครงการนี้ จะทำให้ SPCG มีรายได้ในปี 2564-2565 ประมาณ 6,000- 7,000 ล้านบาทต่อปี จากที่ในปี 2563 คาดว่าจะมีรายได้ 5,000 ล้านบาท รวมทั้งคาดว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2569 จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าจากทั้งในและต่างประเทศ ราว 500 เมกะวัตต์ ส่วนใหญ่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์

การลงทุนวงเงิน 2.3 หมื่นล้านบาทตามโครงการนี้ ทำให้ในปี 2564 SPCG เตรียมใช้เงินทุน 5 พันล้านบาท ซึ่งมาจากการออกหุ้นกู้ โดยแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน คาดจะเสนอขายได้ในต้นปี 2564 หลังประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 15 มกราคม 2564 และออกหุ้นเพิ่มทุนให้บุคคลในวงจำกัด ( PP) วงเงินที่เหลืออีกราว 1.7-1.8 หมื่นล้านบาท จะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ปี 2564 ยังคาดว่าจะสามารถสรุปดีลโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาด 100 MW ในญี่ปุ่น 1 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่เจรจาไว้แล้วแต่เลื่อนมาหลังเจอโควิด

 

 

 

Share: