ttb analytics ชี้เศรษฐกิจไทยปี 2565 มีโอกาสโตได้ถึงร้อยละ 4.4 ตามแผนการฉีดวัคซีนเชิงรุก ปลดล็อกประเทศเปิดรับนักท่องเที่ยวได้เร็ว เสริมด้วยภาคส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง แต่อาจโตได้เพียงร้อยละ 2.8 ถ้าอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 1.5 แสนโดสต่อวัน
โควิดระลอก 2 กดจีดีพีไทยไตรมาสแรกหดตัวตามคาด
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รอบสอง ได้ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสะดุดลงหลังจากที่เพิ่งฟื้นตัว ซึ่งเป็นผลจากจากมาตรการควบคุมการระบาดแม้มีความเข้มงวดน้อยกว่ามาตรการล็อกดาวน์ในครั้งก่อน แต่ก็เป็นการฉุดเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวได้เต็มที่ให้กลับสู่ภาวะซบเซาอีกครั้ง โดยล่าสุดสศช. รายงานจีดีพีไตรมาสแรกของปี 2564 หดตัวร้อยละ 2.6 เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ 4.2 องค์ประกอบเศรษฐกิจที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจในไตรมาสนี้ยังคงเป็นการใช้จ่ายภาครัฐ ผ่านมาตรการเยียวยาและมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ยังคงมีต่อเนื่องจากปีก่อนหน้าเป็นเงินกว่า 2 แสนล้านบาท ทำให้การบริโภคภาคเอกชนไม่ทรุดหนัก รวมทั้งภาคส่งออกฟื้นตัวต่อเนื่องตามเศรษฐกิจคู่ค้าหลักที่ฟื้นตัวเร็ว ทั้งตลาดสหรัฐฯ และจีน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังคงหดตัวสูงจากมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ
คาดฉีดวัคซีนเชิงรุกได้ 3 แสนคนต่อวัน จะทำให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากร ปลดล็อกประเทศได้ไตรมาสแรกปี 2565
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดระลอก 3 ที่เริ่มในเดือนมีนาคมจนถึงขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อที่ยังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ได้รับวัคซีนอยู่ที่ 1.4 ล้านคน คิดเป็นเพียงร้อยละ 2 ของประชากรทั้งประเทศ นำไปสู่การปรับแผนฉีดวัคซีนเชิงรุกของภาครัฐ ทั้งการปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้เร็วที่สุดในทุกพื้นที่ การตั้งเป้าการฉีดให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากรในแต่ละจังหวัด และเพิ่มเป้าหมายจัดหาวัคซีนเป็น 150 ล้านโดส ภายในปี 2565 หรือเพิ่มอีก 50 ล้านโดสจากปัจจุบัน รวมทั้งปรับรูปแบบการฉีดวัคซีนให้ยืดหยุ่น มีความเหมาะสม สะดวกรวดเร็วในการเข้าถึง ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อลดลง ช่วยให้ปลดล็อกประเทศ เปิดรับการท่องเที่ยวและภาคบริการได้เร็วขึ้น