WEH เตรียมสยายปีก ทีมผู้บริหารตอกย้ำ “ขอให้เชื่อมั่น”

516
0
Share:

ผู้ถือหุ้น “วินด์ เอนเนอร์ยี่” เฮ รับปันผล 1.40 บาทต่อหุ้น 26 ต.ค.นี้ ผู้บริหารเผยอยู่ระหว่างศึกษาแผนระดมทุนขยายธุรกิจดันกำลังผลิตแตะ 1,500 เมกะวัตต์ คาดภายในสิ้นปีนี้มีความชัดเจนร่วมทุนโครงการพลังงานลมในต่างประเทศเป็นโครงการแรก

นายกำธร กิตติอิสรานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทวิน เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH)  กล่าวว่าคณะกรรมการ บริษัทได้มีมติเมื่อวันที่29 ก.ย. 2563 ที่ผ่านมาอนุมัตืจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด6เดือนแรกของปีนี้ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 1.40 บาทต่อหุ้นในวันที่ 26 ต.ค.นี้ ซึ่งถือเป็นการจ่ายปันผลครั้งแรก ในรอบ11 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2552

ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย) WEH มีรายได้รวม4,320ล้านบาท  มีกำไรสุทธิ 1,300 ล้านบาท ซึ่งผู้บริหารคาดว่านับจากนี้จะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง  โดยยืนยันว่าความขัดแย้งของผู้ถือหุ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากการดำเนินงานมาจากทีมผู้บริหาร

WEH ในฐานะผู้นำผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมของประเทศและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ถือหุ้นใหญ่ประกอบด้วย บริษัท โกลด์เด้น มิวสิค ลิมิเต็ด จำกัด จำนวน 41,216,398 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 37.86%  ครอบครัวกิตติอิสรานนท์ จำนวน 39,081,685 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 35.90% บริษัท โกลด์เด้น มิวสิค ลิมิเต็ด จำกัด และบมจ.เด็มโก้ (DEMCO) จำนวน 4,210,526 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 3.86% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) WEH มีแผนงานจะผลักดันให้กำลังการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แตะระดับ 1,500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตรวม 717 เมกะวัตต์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานลม 8 โครงการในจังหวัดนครราชสีมาและชัยภูมิ ขนาดพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 850 ตารางกิโลเมตร มีกังหันลมผลิตไฟฟ้าจำนวน 270 ต้น โดยจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ที่อัตรา 3.50 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ซึ่งในปี 2562 ที่ผ่านมาถือเป็นปีแรกที่ WEH  รับรู้รายได้ครบทั้ง 8 โครงการ ทำให้มีรายได้รวม 12,058 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,888 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าในทั้งปี 2563 นี้ จะยังมีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ดี

อย่างไรก็ตาม WEH มี 5 โครงการที่ Adder จะหมดอายุลงในอีก 8 ปีข้างหน้า จึงต้องมองหาโอกาสลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่จะเน้นการลงทุนโครงการวินด์ฟาร์มเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนามาก แต่ก็ไม่ปิดโอกาสที่จะลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) หากมีความน่าสนใจให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ระดับตัวเลข 2 หลัก ซึ่งขณะนี้มีการศึกษาการลงทุนในประเทศไต้หวัน  เวียดนาม พม่า ยุโรป แอฟริกา และสหรัฐอเมริกา

โดยคาดว่าในช่วงปลายปี 2563นี้ บริษัทจะมีข้อสสรุปการลงทุนโครงการวินด์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิต 600-800 เมกะวัตต์ในต่างประเทศ เบื้องต้นคาดว่าอาจเป็นที่ไต้หวัน และเวียดนาม ใช้งบลงทุนประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินลงทุนจะมาจากการระดมทุนหลายวิธี  เช่น การออกตราสารหนี้ (หุ้นกู้) กระแสเงินสดจากการดำเนินการ  การกู้เงินจากสถาบันการเงิน การเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (PP) และการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ปัจจุบันWEH และบริษัทย่อยมีหนี้รวมอยู่ที่ประมาณ 30,000-32,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินเชื่อโครงการ (Project Finance) จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เพื่อนำมาพัฒนาโครงการ โดยมีต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ประมาณ 4-5% ต่อปี

 

Share: