ก.ล.ต. อนุมัตินับ 1 ไฟลิ่ง บมจ.แอดเทค ฮับ “ ADD” จ่อ IPO 40 ล้านหุ้น เดินหน้าเทรด mai ครึ่งปีแรก – ระดมทุนสยายปีกธุรกิจพัฒนาระบบ สนับสนุนดิจิทัลแพลตฟอร์มบนมือถือ
ก.ล.ต. ไฟเขียวอนุมัตินับ 1 ไฟลิ่ง บมจ.แอดเทค ฮับ (ADD) เสนอขายหุ้นไอพีโอ 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครึ่งปีแรก หวังระดมทุนเป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อยอดธุรกิจการพัฒนาระบบด้านการสนับสนุนดิจิทัลคอนเทนต์ และดิจิทัลโซลูชั่น เพื่อสยายปีกสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาระบบสนับสนุนดิจิทัลแพลตฟอร์มทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการสายงานวาณิชธนกิจ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ในการนำหุ้น บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายใต้ชื่อย่อ “ADD” ว่า ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับ 1 ไฟลิ่งของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 40 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และคาดว่าจะนำเสนอขายหลักทรัพย์เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายในครึ่งปีแรกนี้
ADD ดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการระบบสนับสนุนบริการดิจิทัลคอนเทนต์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ และให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัจจุบันบริษัทฯมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 80 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 60 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 120 ล้านหุ้น โดยภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 80 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 160 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
ในขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 2561 – 2563 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 289.48 ล้านบาท 302.04 ล้านบาท และ 345.53 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิรวมย้อนหลังดังกล่าว เท่ากับ 29.29 ล้านบาท 39.50 ล้านบาท และ 72.37 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากบริการระบบสนับสนุนการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ประมาณ 83-95% ของรายได้รวม รองลงมาเป็นรายได้จากบริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ประมาณ 4-17% ของรายได้รวม และมีรายได้จากบริการสื่อและโฆษณาออนไลน์น้อยกว่า 2% ของรายได้รวม