ทีทีบี ยกกองทัพกูรูและผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน เปิดมุมมองทิศทางตลาดปี 2567 เจาะจุดเด่น 4 ธีมลงทุนความมั่นคงทางการเงิน ผ่านสัมมนา “ttb investment outlook 2024”

143
0
Share:

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ยกกองทัพผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจากทีทีบีและพันธมิตร เปิดมุมมองและทิศทางการลงทุนตลาดปี 2567 ผ่านสัมมนา “ttb investment outlook 2024” พร้อมเจาะจุดเด่น 4 ธีมการลงทุนแห่งความมั่นคงทางการเงินให้กับนักลงทุนที่สนใจ เพื่อนำมาปรับพอร์ตการลงทุนช่วยสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน นำไปสู่ชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้และอนาคต

 

 

เปิดมุมมองและทิศทางการลงทุนตลาดปี 2024
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวหน้าบริหารการลงทุน ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่าภาพรวมการลงทุนในปี 2566 ที่ผ่านมามีความผันผวนค่อนข้างสูง แต่สำหรับปี 2567 นี้ คาดการณ์ว่าเหตุการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้มองเห็นโอกาสที่ดีในการทำให้พอร์ตการลงทุนกลับมายืนได้อย่างสดใสมากขึ้น ถึงแม้ว่ายังมีความไม่แน่นอนซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งของกลุ่มฮามาส-อิสราเอล และความไม่แน่นอนในเรื่องของนโยบายทางการเงินต่างๆ ซึ่งการสัมมนา “ttb investment outlook 2024” ในครั้งนี้ ทีทีบี ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำในเรื่องของการลงทุน เจาะจุดเด่น 4 ธีมการลงทุนแห่งความมั่นคงทางการเงิน รวมไปถึงการเปิดเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งนักลงทุนสามารถนำไปใช้ไปประกอบการตัดสินใจในพอร์ตการลงทุนของตนเองได้

ธีมแรก : จับจุดตลาดมองขาดการลงทุนปี 2024
นายอภิวัฒน์ น้าประทานสุข ผู้บริหารกลยุทธ์การลงทุน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ปี 2567 นี้ ทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ เนื่องจากตลาดยังมีปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่สิ้นสุดลง ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่ถดถอย และผลกำไรบริษัทในตลาดหุ้นยังมีแนวโน้มเติบโตต่อ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างปีตลาดการเงินโลกอาจมีความผันผวนเกิดขึ้นได้บ้าง เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนว่าธนาคารกลางในประเทศหลักอย่างเฟด (Fed) จะเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อใดและเท่าไร การจัดพอร์ตลงทุนตามธีม Market Normalization จึงยังเป็นหัวใจสำคัญที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว นอกจากนี้ มองว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงกลุ่มผู้ผลิตชิป ยังน่าลงทุนและควรมีอยู่ในพอร์ตการลงทุน เพราะเทคโนโลยี Generative AI จะยังเติบโตได้ดีในปีนี้ตามธีม Next Stage of Gen AI ส่งผลให้ทั้งกำไรและราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทดังกล่าวมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปได้

นายวสวัตติ์ บวรเสรีผไท ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่า โอกาสสร้างกระแสเงินสดในความไม่แน่นอนของตลาด ด้วย ES-GAINCOME ความเสี่ยงระดับ 5 เป็นความเสี่ยงสูงปานกลางค่อนข้างสูง จุดเด่นของกองทุนเน้นการลงทุนในตราสารหลากหลายประเภททั่วโลก มุ่งสร้างกระแสเงินสดและผลตอบแทนรวมที่ดี มีความยืดหยุ่นสูงในการปรับพอร์ตลงทุนโดยใช้ภาพเศรษฐกิจการจัดพอร์ตลงทุนสินทรัพย์และคัดสรรหลักทรัพย์รายตัว บริหารจัดการโดยทีมงานผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ยาวนาน รวมถึง Amundi Asset Management นอกจากนี้ ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนกับหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ด้วยกองทุน ES-USTECH ถือเป็นหนึ่งกองทุนที่ตอบโจทย์และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาว

ธีมที่สอง : มองไกลกับเทรนด์ AI แห่งอนาคต
นายพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด ผู้ผลิตสื่อ Beartai เผยว่าปัจจุบันมีหลายค่ายที่หันมาพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเติบโตของ AI ไม่ว่าจะเป็น Google, IBM, Microsoft Adobe, NVIDIA, Samsung ฯลฯ โดยมีการพัฒนาสารพัดเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพเสมือนจริงด้วย AI การสร้างภาพให้ได้คอนเทนต์แปลกใหม่ แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่อยากฝากคือ หลายคนกลัวว่า AI จะเข้ามาแทนมนุษย์ แต่ในความจริงแล้ว AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานให้เรา จากเดิมใช้เวลา 3-5 วัน AI ช่วยลดระยะเวลาให้เสร็จภายในเพียงแค่หลักนาที ซึ่งไม่ต้องกลัว AI แต่ให้กลัวคนที่ใช้ AI และ “จงกลัวการไม่ลงทุนใน AI”

ธีมที่สาม : จับสัญญาณหุ้นเด่นรับเศรษฐกิจฟื้น
นายภูริพัฒน์ ละเอียดธนะกิจ นักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า จากข้อมูลของ World Bank และ IMF พบว่าในปี 2567 เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ส่วนประเทศอินเดียยังคงน่าจับตามอง เนื่องจากมีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสูงในระดับ 6-7% เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งภาคประชาชนมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว โดยในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นอินเดียค่อนข้างได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้นโลกและตลาดหุ้นจีน ซึ่งตลาดหุ้นอินเดียให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี แต่ยังคงต้องจับตาภาวะเงินเฟ้อราคาอาหาร และการเลือกตั้งในช่วงไตรมาส 2 หากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เศรษฐกิจอินเดียน่าจะไปต่อได้

นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โอกาสและความน่าสนใจของกองทุนอินเดีย TMB India Active Equity เน้นสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว มีจุดแข็งด้านการคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom Up โดยดูปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก รวมถึงหาโอกาสจากหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเพิ่มเติม และบริหารโดยทีมงาน Local-Based ลงทุนในหุ้นที่มี Market Cap ได้ทุกขนาดและสามารถ OW ในหุ้น Small to Mid-Cap ได้ 15-25% มีการกระจายการลงทุนที่ดี Sector Limit +/- 7.5% เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด

ธีมที่สี่ : ติดภูมิคุ้มกันพอร์ตด้วยกองทุนตราสารหนี้
นายกัมปนาท โอมฤก นักกลยุทธ์การลงทุน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ปี 2567 นี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยมีแนวโน้มขาลง ซึ่งเป็นจังหวะที่ดีและเป็นโอกาสทองในการลงทุนตราสารหนี้ เพราะดอกเบี้ยผ่านช่วงพีคไปแล้ว การเข้าไปซื้อกองทุนตราสารหนี้เมื่อดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ดอกเบี้ยที่ได้รับจะยังอยู่ในระดับสูง และราคาของตราสารหนี้ที่ถือครองไว้จะมีราคาที่เพิ่มขึ้น เป็นโอกาสที่กองทุนตราสารหนี้โลกจะให้ทั้งอัตราดอกเบี้ยที่สูงและราคาที่อัปไซด์ ขณะที่ตราสารหนี้ของไทยยังมีความน่าสนใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น TMB-T-ES-IPLUS สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากและต้องการสภาพคล่อง อายุกองทุนตราสารหนี้ 3 ปี และ ES-GF สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย และมีโอกาสได้รับส่วนต่างของราคา อายุกองทุน 6 ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องของนักลงทุนด้วย

นายปณิธาน ศรีอินทร์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ทางเลือกการลงทุนสำหรับตราสารหนี้ทั่วโลก ES Global GIS Bond Fund (ES-GF) เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นกองทุนที่ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ เพื่อให้นักลงทุนสามารถสร้างสมดุลพอร์ตและใช้ลงทุนคู่กับกองทุนหุ้น เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนและลดความเสี่ยงพอร์ตลงทุนในช่วงสภาวะตลาดผันผวน ทั้งนี้ แนวทางการลงทุนของกองทุนหลัก “PIMCO GIS Global Bond” แบ่งเป็น Quality Investment ลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก โดยเน้นตราสารภาครัฐ เน้นกลุ่มภาครัฐและหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีเป็นหลัก Capital Preservation มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนที่ดีภายใต้ความผันผวนของการลงทุนไม่สูงมาก (ควบคุมด้วยสัดส่วนตราสาร High Yield <10%, และสกุลเงิน Non-USD Currency <20%) ลักษณะกองทุนหลักเป็น Benchmark Aware บริหารจัดการโดยยึดตามดัชนีชี้วัด (Bloomberg Global Aggregate) โดยกำหนดอายุเฉลี่ยของตราสารในพอร์ตในช่วง +/-3 ปี เมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัดข้างตัว มี Strong Track Record ผลการดำเนินงานโดดเด่น ได้รับ Morningstar 4 ดาว บริหารจัดการโดย PIMCO ผู้เชี่ยวชาญทางด้านตราสารหนี้กว่า 50 ปี

สำหรับผู้สนใจด้านการลงทุน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ทีทีบี ทุกสาขา หรือ ttb investment line โทร.1428 กด #4 ทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:30 น. (ยกเว้นวันหยุดธนาคาร)

Share: