ผู้นำด้านไอทีเชื่อมั่นว่า AI จะเข้ามาพลิกโฉมธุรกิจและเร่งการลงทุนในอุตสาหกรรม

640
0
Share:

กว่า 7 ใน 10 ของผู้นำไอทีเชื่อว่าเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อการทำงานด้วย AI จะช่วยให้ทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อีก 52% ระบุว่าองค์กรของตนยังไม่จำเป็นต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านไอที

 

 

AMD (NASDAQ: AMD) เผยข้อมูลจากการสำรวจผู้นำด้านไอทีทั่วโลกชุดใหม่ ระบุว่า 3 ใน 4 ของผู้นำด้านไอทีเชื่อมั่นในคุณประโยชน์ของเทคโนโลยี AI ตั้งแต่เรื่องประสิทธิภาพของพนักงานที่เพิ่มขึ้น ไปจนถึงโซลูชั่นด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในรูปแบบอัตโนมัติ โดยกว่า 2 ใน 3 มีการลงทุนเพิ่มด้านเทคโนโลยี AI อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ AI ทำให้องค์กรมีโอกาสเพิ่มประสิทธิผล, ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยให้มากขึ้น ในทางกลับกัน ผู้นำด้านไอทียังคงไม่มั่นใจในการนำ AI มาใช้ในปัจจุบัน เนื่องจากยังขาดแผนการดำเนินงานและภาพรวมความพร้อมด้านฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีที่มีอยู่

AMD ได้จัดทำแบบสำรวจกับผู้นำด้านไอที 2,500 รายทั่วสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น เพื่อทำความเข้าใจว่า AI จะมาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานได้อย่างไร, หัวหน้าไอทีกำลังวางแผนการใช้เทคโนโลยี AI และเส้นทางการใช้ฮาร์ดแวร์ของลูกค้าได้อย่างไร รวมถึงปัญหาใหญ่ที่สุดหากมีการนำ AI มาใช้ในองค์กร ถึงแม้ว่าผู้นำด้านไอทีจะยังรู้สึกลังเลถึงด้านความปลอดภัยและความยุ่งยากเมื่อต้องฝึกอบรมพนักงาน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าองค์กรที่นำโซลูชั่น AI มาใช้ต่างได้รับประโยชน์และช่วยชะลอความเสี่ยงที่จะกลายเป็นองค์กรตกยุค โดย 90% ขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับการปรับใช้ AI รายงานว่าได้เห็นประสิทธิภาพในสถานที่ทำงานเพิ่มขึ้น

Matthew Unangst ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายลูกค้าเชิงพาณิชย์และเวิร์คสเตชั่น บริษัท AMD กล่าวว่า “การเป็นผู้ริเริ่มใช้เทคโนโลยี AI ในยุคแรกๆ นั้นทำให้องค์กรได้รับประโยชน์ ผู้นำด้านไอทีตระหนักถึงประโยชน์ของโซลูชั่นที่เชื่อมต่อกับเทคโนโลยี AI แต่องค์กรของพวกเขาต้องร่างแผนการดำเนินงานที่รัดกุมมากยิ่งขึ้น มิฉะนั้นอาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้องค์กรเกิดความล้าหลังได้ ระบบอีโคซิสเต็มของซอฟต์แวร์แบบเปิดที่อยู่บนฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูงนั้นมีความจำเป็น และ AMD เชื่อในแนวทางการใช้ประโยชน์ที่หลากหลายจาก AI IP บนกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการให้กับพันธมิตรและลูกค้าของเรา”

อนาคตของเทคโนโลยีการประมวลผลสำหรับองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI

AMD มุ่งเน้นการพัฒนาโซลูชั่นที่ล้ำสมัยผ่านฟีเจอร์ AI บนกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้นำด้านไอทีมีแพลตฟอร์มการประมวลผลที่ดีที่สุดระหว่างที่ใช้โซลูชั่น AI ตั้งแต่บนระบบคลาวด์, edge ไปจนถึงปลายทาง (endpoints) ซึ่ง AMD ทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้พัฒนาในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แบบเปิด (open industry-standard software)

ในปีนี้ AMD เปิดตัวโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ 7040 Series รุ่นแรกที่มาพร้อมฟีเจอร์ Ryzen™ AI Engine รองรับ Windows Studio Effects และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาบนฟีเจอร์ Ryzen AI มอบประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างบนโปรเซสเซอร์ x86 รุ่นอื่นๆ ในปัจจุบัน และเป็นการปูทางสู่การทำงานด้าน AI ที่สูงขึ้นบนกลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อป

เอ็นจิ้นด้าน AI สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อปที่เป็นส่วนเสริมการทำงานของ AI บนระบบคลาวด์และมีความจำเป็นต่อการนำแอปพลิเคชั่น AI มาใช้ในสถานที่ทำงาน มีศักยภาพที่จะ:
• เชื่อมต่อการทำงานในรูปแบบที่เฉพาะตัวบุคคลและมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นสำหรับพนักงาน จากการใช้บนโมเดล AI ภายในเครื่อง
• เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานของแล็ปท็อป ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและการเชื่อมต่อภายในองค์กรให้ดียิ่งขึ้น
• เพิ่มแบนด์วิธให้กับองค์กรในการใช้งานเวิร์คโหลดด้าน AI ทำให้แล็ปท็อปสามารถใช้งานซอฟต์แวต์รุ่นต่อไปได้

สำหรับธุรกิจที่ยังต้องการดำเนินงานบนเวิร์คโหลดด้าน AI ที่ติดตั้งบนดาต้าเซ็นเตอร์ในองค์กร การมีโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งลูกค้าสามารถลดจำนวนตู้ (rack) ในโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิมได้ถึง 70% เมื่ออัปเกรดประสิทธิภาพดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยขุมพลังโปรเซสเซอร์ AMD EPYC

นอกจากนี้ AMD ยังได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กราฟิกการ์ด AMD Instinct MI300X (192GB) ที่ใช้สถาปัตยกรรมกราฟิก AMD CDNA 3 กราฟิกการ์ดที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกสำหรับงานด้าน Generative AI พร้อมให้ประสิทธิภาพการประมวลผลที่ยอดเยี่ยมและหน่วยความจำที่จำเป็นสำหรับงานด้านการเรียนรู้โมเดลทางภาษาที่มีขนาดใหญ่ และการอนุมานเวิร์คโหลดงานด้าน Generative AI

AMD นำแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ AI แบบเปิดที่พร้อมใช้งานและเป็นที่ยอมรับออกสู่ตลาดผ่านอีโคซิสเต็มซอฟต์แวร์ของ AMD ROCm สำหรับผลิตภัณฑ์กราฟิกการ์ดบนดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้กับฮาร์ดแวร์

Share: