องค์กรธุรกิจแห่งอนาคตต้องเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร
จะสร้างความยืดหยุ่นให้เกิดขึ้นในปี 2566 และในอนาคตได้อย่างไร
แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่ปัญหาต่างๆ เช่น เงินเฟ้อ ความตึงเครียดทางการเมือง และซัพพลายเชนที่ประสบกับความยุ่งยาก กำลังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ รายงานจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า ทิศทางเศรษฐกิจในปี 2566 จีดีพีไทยจะขยายตัวในช่วง 3.2-4.2% โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักยังคงมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามเศรษฐกิจโลก โดยแม้ยังไม่มองการเกิดภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่โอกาสมีมากขึ้น เนื่องจากมีหลายปัจจัยเสี่ยงให้ติดตามทั้งเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ย และภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าหลายประเทศ
การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันต้องทำอย่างระมัดระวัง มีการวางแผนและจัดระเบียบการใช้จ่ายระยะสั้นอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถทำกำไรได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องวางเดิมพันครั้งใหญ่ควบคู่กันไป เพื่อให้ได้ผลตอบแทนในระยะยาวเมื่อฟื้นตัวจากตลาดที่ประสบกับภาวะตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นองค์กรต่างๆ จะต้องวางแผนยาวไปจนถึงปี 2573 ไม่ใช่เพียงแผนสำหรับปี 2566 เท่าน้้น
คำถามสำคัญที่ธุรกิจทั้งหลายต้องถามตัวเองคือ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ต่อจากนี้ความต้องการของลูกค้าจะเป็นอย่างไร นวัตกรรมด้านการผลิตจะเป็นอย่างไร และภาพรวมของธุรกิจจะเป็นไปในทิศทางใด
เป็นการยากที่จะรับมือกับการวิเคราะห์สิ่งที่ไม่เคยรู้จักมากมายดังกล่าวนี้ แต่บริษัทที่สามารถวิเคราะห์ได้เร็ว และมีประสิทธิภาพจะพร้อมฟื้นตัวจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดได้อย่างแข็งแกร่งและยืดหยุ่นกว่า
เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือปรับสมดุลที่ยอดเยี่ยม
ในระยะสั้น เทคโนโลยีมีบทบาทในการช่วยให้ธุรกิจดำเนินกิจการต่อไปได้ในระหว่างเกิดวิกฤต ด้วยการช่วยให้ทำงานจากระยะไกลได้ ช่วยให้ธุรกิจมีความคล่องตัว และมีส่วนร่วมภายนอกองค์กรผ่านช่องทางดิจิทัล ในระยะยาว องค์กรต่างๆ ย่อมต้องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อเป็นฐานที่แข็งแกร่งให้กับกระบวนการทำงานทั้งหมด ความคิดริเริ่ม หรือ ห่วงโซ่ที่เชื่อมโยงขั้นตอนการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงมือผู้บริโภค (value chain) ซึ่งสนับสนุนการเดินบนเส้นทางสู่การเป็นองค์กรแห่งอนาคตของตน
องค์กรธุรกิจที่ชาญฉลาดในปัจจุบันจะจัดลำดับความสำคัญใหม่ เพื่อการลงทุนที่ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก, กระบวนการอัตโนมัติและการปรับขยายเสริมข้อมูล, ข้อมูลและการวิเคราะห์ และ DevOps ที่มีความคล่องตัวจะขับเคลื่อนนวัตกรรมในธุรกิจและรูปแบบการทำงานใหม่ๆ
ในขณะที่ธุรกิจเดินหน้า ดิจิทัลจะเป็นเครื่องมือปรับสมดุลที่เป็นทางลัดให้องค์กรฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้องค์กรแห่งอนาคตทั้งหลายให้ใช้แพลตฟอร์ม, มีระบบนิเวศเป็นศูนย์กลางการทำงาน และขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม