เจาะตลาดอสังหาฯ ฝ่าวิกฤตโควิด กับกูรูรุ่นเก๋า “ประทีป ตั้งมติธรรม”

431
0
Share:

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ส่งผลให้ ปี 2563 ถือเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม และนับเป็นวิกฤตสาหัสสำหรับภาคแรงงานเนื่องจากการทยอยปิดโรงงาน ปิดกิจการ ลดพนักงาน

แม้จะมีกระแสข่าวความคืบหน้าในการคิดค้นวัคซีนใกล้ประสบความสำเร็จ โดยระบุว่าสามารถนำออกมาใช้ได้ในกลางปีหน้า แต่ผลของการต้องล็อกดาวน์ปิดประเทศหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ระลอก2 จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดที่ยังคงรุนแรงในหลายประเทศ ส่วนในประเทศไทยก็ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ย่อมส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อให้หดหายต่อเนื่อง

Bizbug.co มีโอกาสพูดคุยกับ “ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) นักพัฒนาที่อยู่อาศัย “รุ่นเก๋า” ถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 โดยวิเคราะห์แบบฟันธงว่า ปีหน้าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาและเติบโตดีกว่าปี 2563 แน่นอน สะท้อนจากสัญญาณการฟื้นตัวที่เริ่มมีให้เห็นตั้งแต่ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา และเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4 นี้ ตามยอดขายของโครงการที่บริษัทเปิดการขายที่อยู่อาศัยใหม่กลับมาดีขึ้น จากการเปิดจองโครงการใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดสูงกว่าคาดการณ์ไว้ ส่วนธุรกิจโรงแรมต้องยอมรับว่าสวนทางกับธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งยังต้องใช้เวลา จนกว่าจะมึการเปิดประเทศ 100%

“ตอนนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว จากช่วงที่ไม่ปกติคือช่วงที่หลายบริษัทให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน มีการล็อกดาวน์กิจกรรมทางเศรษฐกิจประมาณ 3 เดือน แต่หลังจากนั้นโครงการใหม่ๆ ที่เราเปิดขายทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ ยิ่งเข้าสู่ช่วงไตรมาส 4 การขายเรียกได้ว่าปกติมาก ส่วนธุรกิจโรงแรมยอมรับว่ายังไม่ปกติ กลุ่มเรามีโรงแรม 2 แห่ง คือโรงแรมศุภาลัย ป่าสัก รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่สระบุรี คนกลับมาใช้บริการเกือบปกติ แต่สิ่งที่เห็นคือ ราคาเฉลี่ยของห้องพักกลับลดลงต่ำกว่า 50% จากปี 2562 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 2,000 บาทต่อคืน เช่นเดียวกับโรงแรมศุภาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่จังหวัดภูเก็ต ราคาต่ำลงไปมาก จากปึก่อนหน้าอัตราการเข้าพักของลูกค้าเฉลี่ยเกือบเต็ม 100% แต่ปัจจุบันเฉลึ่ยไม่ถึง10% เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ส่วนคนไทยที่มาท่องเที่ยวก็ยังไม่มากนัก”

โอกาสของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีฐานทุนแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม วิกฤตโควิดถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีฐานทุนแข็งแกร่ง โดยศุภาลัยพร้อมที่จะเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง

“คนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดมากที่สุดคือ เอสเอ็มอี ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว และภาคบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ผู้ประกอบการในภาคอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จะกระทบน้อย เพราะว่าการเงินมีความแข็งแรงมากกว่า ศุภาลัยเองเป็นบริษัทที่ได้เรตติ้งระดับ A สะท้อนความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินอยู่แล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก เรียกว่าช่วงโควิดเราไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากนัก เพราะยังสามารถลงทุนได้ตามปกติ เรายังสามารถทำอะไรได้ตามปกติโดยที่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฐานะการเงิน ซึ่งแตกต่างจากช่วงต้มยำกุ้ง ถือเป็นคนละเรื่องเลย ตอนต้มยำกุ้งดอกเบี้ยแพงมาก แต่ตอนนี้เราจ่ายดอกเบึ้ยแค่ประมาณร้อยละสอง เป็นต้นทุนการเงินของเงินกู้ที่ไม่สูง ส่วนตอนต้มยำกุ้งช่วงนั้นเรายังมีขนาดไม่ใหญ่มากเสียดอกเบี้ยร้อยละยี่สิบกว่าต่อปี แถมช่วงต้มยำกุ้งแบงก์ยังถูกปิดเยอะ ปิดเงินทุนหลักทรัพย์ตั้งหลายแห่ง แต่โควิดไม่ได้ทำให้แบงก์ต้องถูกปิดเลย เราเองก็ยังสามารถลงทุนได้100%”

เล็งแตกไลน์เจาะตลาดบ้านตากอากาศชายทะเล

คุณประทีปเผยว่า ในปี 2564 ศุภาลัยเตรียมแผนงานที่จะเปิดโครงการใหม่ราว 40 โครงการ โดยส่วนใหญ่เป็นบ้านแนวราบ ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียนจะมีเพียง 3-5 โครงการเท่านั้น เพราะสถานการณ์โควิดทำให้ไลฟ์สไตล์ของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป ต้องการที่อยู่อาศัยที่เป็นแนวราบมากขึ้น อย่างไรก็ ตามศุภาลัยจะยังไม่หยุดที่จะลงทุนในธุรกิจโรงแรม ซึ่งการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสเป็นหลัก จากฐานรายได้ของธุรกิจโรง แรมในภาวะปกติจะอยู่ที่ ราว 200 ล้านบาท จากทั้งกลุ่มที่เกือบ 30,000 ล้านบาทต่อปี

คุณประทีปมั่นใจว่า นักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมากเมื่อมีการเปิดประเทศ 100% จึงมีแผนแตกไลน์ธุรกิจด้วยการสร้างบ้านพักตากอากาศ ชายทะเล ที่จังหวัดภูเก็ต บนพื้นที่ 25 ไร่ ติดกับโรงแรมศุภาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา มูลค่ารวมทั้งโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท  ขายให้กับนักลงทุนต่างชาติ เจาะ กลุ่ม สแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย จีน ไต้หวัน ฮ่องกง ในราคา 10-40 ล้านบาท ต่อหลัง  เปิดขายช่วงปลายปี 2564 ขณะที่โครงการศุภวัฒนาลัย หรือ Supali Wellness Valley ซึ่งเป็นโครงการบ้านพักอาศัยของผู้สูงวัย ตั้งอยู่ในพื้นที่ติดกับศุภาลัย ป่าสัก รีสอร์ทแอนด์ สปา จังหวัด สระบุรี อาจหยุดชะงักบ้างจากสถานการณ์โควิด แต่ยังสามารถขายได้ กว่า20% จากเฟส 1 ทั้งโครงการ จำนวน 60 ยูนิต ดังนั้น หากขายหมดในเฟสที่ 1 ก็พร้อมจะเปิดเฟส 2 ต่อไป

วางหลักคิดส่งไม้ต่อเจเนอเรชั่นที่ 2 ศุภาลัยต้องยั่งยืน

แม้วันนี้จะส่งไม้การบริหารงานสู่เจนเนเรชั่นที่ 2 ให้กับลูกชาย “คุณไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” แต่ในฐานะผู้ก่อตั้งและบุกเบิกธุรกิจของศุภาลัย “คุณประทึป” ได้ให้หลักคิดกับผู้ที่เข้ามารับช่วงในการดูแลกิจการต่อว่า ศุภาลัยจะต้องเติบโตอย่างยั่งยืน

“ผมตั้งเป้าหมายและต้องการให้หุ้นของศุภาลัยเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลแบบยั่งยืน มีอ้ตราการเติบโตต่อเนื่อง ไม่หวือหวามาก เพื่อให้ผู้ลงทุนทั้งกองทุน สถาบันการเงิน ผู้ลงทุนทั่วไป ที่ต้องการลงทุนระยะกลางถึงยาวได้ผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ ได้อัตราผลตอบแทนระดับ 5% บวก-ลบ ขณะเดียวกันเราดูแลพนักงานของเรา ใส่ใจให้เขาดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย เล่นกีฬา เราทำมาตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด ผมถือว่าโควิดมาก็เป็นประโยชน์เพราะทำให้เราหันมาดูแลสุขภาพ รักษาความสะอาด และก็ถือเป็นโอกาสในการปรับตัว ปรับปรุง พัฒนาธุรกิจ ซึ่งหลายกิจการทำแบบนั้น” คุณประทีปกล่าวทิ้งท้าย

 

เรื่องโดย…ศรัญญา สุขสมกิจ

Share: