“แลนดี้ โฮม” เผยยอดขายครึ่งปีแรก 1,400 ล้านบาท

138
0
Share:

ตั้งเป้าเดินหน้าย้ำภาพจำ “สร้างบ้านสุขภาพดีต้องแลนดี้ โฮม”สร้าง Differentiation จากบริษัทรับสร้างบ้านเจ้าอื่น ด้วยนวัตกรรมด้านสุขภาพ

 

 

แลนดี้ โฮม (Landy Home) ศูนย์รับสร้างบ้านอันดับ 1 เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก ทะลุ 1,400 ล้านบาท พร้อมเปิดกลยุทธ์ “Product Differentiation” โดยสร้างความแตกต่างจากบริษัทรับสร้างบ้านเจ้าอื่นๆ ผ่านนวัตกรรมที่อยู่อาศัยด้วยจุดเด่นที่ทำให้แลนดี้ โฮมได้รับความไว้วางใจในการสร้างบ้านให้กับผู้บริโภคในยุคที่ทุกคนต่างใส่ใจสุขภาพ ด้วย Concept “สร้างบ้านสุขภาพดี”

โดยตั้งเป้าเดินหน้าย้ำภาพจำ “สร้างบ้านสุขภาพดี ต้องแลนดี้ โฮม” เพื่อยึดพื้นที่ครองใจกลุ่มเป้าหมายที่ใส่ใจสุขภาพของสมาชิกทุกคนในครอบครัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกบริษัทสร้างบ้านของกลุ่มลูกค้าจำนวนมากในปัจจุบัน ที่นอกจากจะมองหาบ้านที่ตอบโจทย์เรื่องการออกแบบที่สวยงาม เข้ากับวิถีการใช้ชีวิตที่ปรับเปลี่ยนไป และมีฟังก์ชันการใช้สอยที่คุ้มค่าแล้ว ยังต้องการที่อยู่อาศัยที่คนทุก Generation อยู่แล้วสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย

นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ในปีนี้ แลนดี้ โฮม ศูนย์รับสร้างบ้านอันดับ 1 ได้เดินหน้าชิงส่วนแบ่งทางการตลาดรับสร้างบ้านไปเกินกว่าครึ่งทางแล้ว ด้วยตัวเลขผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 ซึ่งเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจการเมืองที่ผันผวน โดยมียอดขายพุ่งทะยานที่ 1,400 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายตลอดทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 2,750 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตทะลุเป้าครึ่งปีที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1,300 ล้านบาท ซึ่งหากแบ่งสัดส่วนผลประกอบการตามยอดขายปัจจุบัน สามารถแยกตามแบรนด์ในเครือทั้ง 3 แบรนด์ได้เป็น บ้านหรูขนาดใหญ่ แลนดี้ แกรนด์ (ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป) สัดส่วนยอดขาย 22% บ้านขนาดกลาง แลนดี้ โฮม (ราคา 8-20 ล้านบาท) สัดส่วนยอดขาย 48% บ้านขนาดเล็ก เทรนดี้ โฮม สัดส่วนยอดขาย 30%

โดยบ้านที่ได้รับความสนใจปลูกสร้างมากที่สุดยังคงเป็นบ้านขนาดกลาง แบรนด์แลนดี้ โฮม (Landy Home) ที่ช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดรับสร้างบ้านอย่างท่วมท้น ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดด้วย Positioning “ดีไซน์สวย ฟังก์ชันครบ ราคาคุ้มค่า” ซึ่งจากข้อมูลพบว่าผู้บริโภคในกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการใช้สอยที่คุ้มค่า เน้นดีไซน์ที่หรูหรา มีรสนิยม Timeless เหนือกาลเวลา ในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก

และส่วนแบ่งทางการตลาดรับสร้างบ้านที่น่าสนใจในปีนี้ คือความต้องการสั่งสร้างแบบบ้านขนาดเล็กระดับราคา 2-8 ล้านบาท จากปัจจัยด้านขนาดที่ดินและเศรษฐกิจ ทำให้แบรนด์เทรนดี้ โฮม (Trendy Home) ที่มีกลยุทธ์ทางการตลาดด้วย Positioning “เทรนดี้ โฮม สร้างบ้านสุดคุ้ม ดีไซน์โดน เพื่อคน New Gen” ซึ่งตั้งเป้าเจาะกลุ่มผู้บริโภค Gen X-Y ที่ต้องการสั่งสร้างบ้านในราคาคุ้มค่า มีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยแบบบ้านที่ได้รับความนิยมในกลุ่มบ้านขนาดเล็ก ได้แก่ แบบบ้านสไตล์โมเดิร์น และ โมเดิร์นคลาสสิกผสานกลิ่นอาย รีเจนซี่สไตล์ ที่มีการออกแบบฟังก์ชันเน้นความคุ้มค่าทุกพื้นที่ใช้สอย แต่ยังคงสวยงาม หรูหรา และโดดเด่น

ทั้งนี้แนวโน้มความต้องการปลูกสร้างบ้านหรูขนาดใหญ่ แบรนด์แลนดี้ แกรนด์ (Landy Grand) ใน Luxury Segment ช่วงต้นปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับปี 2565 จาก Consumer Insight พบว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของตลาดรับสร้างบ้านหรู เป็นกลุ่มเจ้าของธุรกิจ และผู้ประกอบการ เมื่อสถานการณ์ Covid 19 คลี่คลาย สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้มุ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสร้างธุรกิจให้เติบโต เพื่อทดแทนผลประกอบการที่ลดลงในช่วงดังกล่าว จึงไม่มีเวลาตัดสินใจปลูกสร้างบ้าน ซึ่งในไตรมาส 3 นี้สถานการณ์เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ผู้บริโภคกลุ่มนี้สนใจกลับมาจองสร้างบ้านเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยทางแบรนด์ยังมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้า Luxury Segment ได้แก่ แบบบ้าน Modern Luxury Style และ Classic Style ที่ให้ความคุ้มค่าทั้งฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันลงตัว บวกกับนวัตกรรมสร้างบ้านสุขภาพดี เพื่อให้ลูกค้าของแบรนด์ได้บ้านหรูสั่งสร้าง หลังใหญ่ ในราคาคุ้มค่า

เมื่อเจาะลึกไปยังเขตพื้นที่สั่งสร้างบ้าน พบว่าในปี 2566 นี้ มีสัดส่วนการสั่งสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล คิดเป็น 80 % และ ต่างจังหวัดคิดเป็น 20 % โดยในกรุงเทพ ฯ พบว่าการสั่งสร้างบ้านบางส่วนได้รับผลพวงจากการขยายเส้นทางเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีห้าแยกลาดพร้าว-คูคต) และสายสีแดงเข้ม (สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์-รังสิต) ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่อยู่อาศัยในเส้นทางดังกล่าวสามารถเดินทางเข้า-ออก สู่ชานเมืองได้อย่างเต็มรูปแบบ ประกอบกับราคาที่ดิน ยังคงไม่พุ่งสูงมากนัก ส่งผลให้ Demand การปลูกสร้างบ้านในพื้นที่โซนกรุงเทพตอนเหนือมีอัตราส่วนสูงสุด คิดเป็น 36% (จตุจักร,สายไหม,บางเขน,ดอนเมือง) ตามมาด้วยพื้นที่โซนกรุงธนตอนเหนือ 26% (ทวีวัฒนา,ตลิ่งชัน จอมทอง), กรุงธนตอนใต้ 22% (บางขุนเทียน,บางนา,พระโขนง) และพื้นที่โซนกรุงเทพตะวันออก 16 % (ลาดกระบัง,ประเวศ,บึงกุ่ม) ตามลำดับ

จากพันธกิจ ของแลนดี้ โฮม ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมการอยู่อาศัย เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของคนไทยให้ได้อยู่อาศัยในบ้านที่มีคุณภาพ แลนดี้ โฮม จึงมุ่งเน้นกลยุทธ์ “Product Differentiation” สร้างความต่างผ่านนวัตกรรม “บ้านสุขภาพดี” ที่หาไม่ได้จากบริษัทรับสร้างบ้านอื่นใด ตอกย้ำแนวคิดในการดำเนินธุรกิจ Always Ahead “ก้าวก่อนใครในทุกด้าน” โดยแลนดี้ โฮม ไม่ได้ต้องการเป็นเพียงผู้นำการสร้างบ้านเท่านั้น แต่ต้องการให้การบริการสร้างบ้านด้วยหัวใจ โดยบ้านทุกหลังที่สร้างจากแลนดี้ โฮม เกิดจากความใส่ใจในทุกขั้นตอนการก่อสร้าง และยังต้องการให้ผู้อยู่อาศัยได้อยู่ภายในบ้านที่ทำให้สุขภาพดีขึ้นในทุกวัน ทั้งการปกป้องอันตรายจากเชื้อโรคและฝุ่นละออง การเลือกออกแบบและใช้วัสดุการก่อสร้างที่อยู่สบาย การลดอุณหภูมิภายในบ้านเพื่อให้อยู่อย่างมีความสุขในทุกสภาพอากาศ ตลอดจนเน้นออกแบบฟังก์ชันในการป้องกันและลดอุบัติเหตุ พร้อมคัดสรรวัสดุและสุขภัณฑ์ชนิดพิเศษ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุ ด้วยเทคโนโลยีของการอยู่อาศัย 4 นวัตกรรม ได้แก่ CAP+ (แคป พลัส) Clean Air Positive Pressure ระบบเติมอากาศบริสุทธิ์,
CP Design นวัตกรรมบ้านปลอดแมลงสาบ, Landy Eldercare นวัตกรรมเพื่อผู้สูงอายุ และ Landy Home Cooling บ้านเย็นอยู่สบาย

และนี่คือนวัตกรรมการอยู่อาศัยที่ “แลนดี้ โฮม” ได้คิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นจุดเด่นที่สร้างความแตกต่าง ทำให้ผู้บริโภคไว้วางใจและตัดสินใจปลูกสร้างบ้านกับแลนดี้ โฮม โดยเฉพาะ CAP+ (แคป พลัส) ระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ นับเป็น Key Success หลักที่ช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตมากถึง 20% จากก่อนหน้าที่ยังไม่มีนวัตรกรรมดังกล่าว โดยแลนดี้ โฮมยังคงมุ่งมั่นที่จะช่วยยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยให้คนไทยได้บ้านที่สวยงาม อยู่อาศัยอย่างมีความสุขพร้อมส่งเสริม “สุขภาพดี” ให้แก่สมาชิกทุกคน ทุก Generation ในครอบครัวไปพร้อมๆกัน ทั้งปัจจุบันและอนาคตด้วย Concept “สร้างบ้านสุขภาพดี ต้องแลนดี้ โฮม”

 

Share: