โรงพยาบาลสระบุรี จับมือกับ H Lab พลิกโฉมการทำงานสู่การเป็น SmartHospital ภายในปี 2566

592
0
Share:

ประสบการณ์การใช้บริการโรงพยาบาลแบบเดิม ที่เต็มไปด้วยการ “รอ” นับตั้งแต่นาทีแรกที่เดินทางมาถึงโรงพยาบาลไปจนถึงการรับยาแล้วกลับบ้าน รวมถึงการทำงานของทีมบุคลากรทางการแพทย์ ตั้งแต่เวชระเบียนไปจนถึงแพทย์พยาบาลและเภสัชกรที่เต็มไปด้วยเอกสารและภาระงานที่ซ้ำซ้อนกำลังจะเปลี่ยนไป

โรงพยาบาลสระบุรีลงนามความร่วมมือกับบริษัท เอช แล็บ จำกัดเพื่อพัฒนาแผนปรับปรุงกระบวนการรูปแบบใหม่ (Lean Process) เตรียมยกระดับความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นแนวทางให้โรงพยาบาลก้าวเข้าสู่การเป็น SmartHospital ภายในปี 2566 โดยทำการลงนาม ณ ห้องประชุมศิริพานิช ชั้น 6 โรงพยาบาลสระบุรี

“ทำไมโรงพยาบาลต้องเปลี่ยนแปลง? ผมอยากให้ทุกคนนึกย้อนไป 14 ปีที่แล้วตอนที่มีสมาร์ตโฟนตัวแรก ถ้าในวันนั้นไม่เกิดการก้าวออกจากกรอบเดิม ๆ โทรศัพท์ก็คงไม่ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นได้เหมือนทุกวันนี้ ด้านสาธารณสุขเองก็มีนวัตกรรมหลากหลาย ทั้ง Medical Device, Smart Device, Internet of thing และ Application ชัดเจนที่สุดก็เช่น แอปพลิเคชั่นหมอพร้อม สมัยก่อนจะรู้ได้ยังไงว่าเราฉีดวัคซีนแล้ว ต้องพกสมุดเล่มหนึ่งตลอด ตอนนี้สามารถเช็คได้แค่กดเข้าไปในโทรศัพท์เท่านั้น เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นยอดภูเขาน้ำแข็ง จริง ๆ แล้วมันมีโครงสร้างพื้นฐานอีกจำนวนมากที่โรงพยาบาลต้องปรับปรุงเพื่อให้สามารถนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์และรองรับการให้บริการสุขภาพที่ดีขึ้นได้ เช่นถ้าเราสวมใส่ smart watch แล้วเกิดหกล้มขึ้นมา แอปก็ต้องแจ้งเตือนให้ Ambulance มารับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคิดกันไปเอง องค์กรระดับโลกต่าง ๆ ก็ใส่ใจกับ E-Health มากขึ้น ในช่วงโควิดระบาดที่ผ่านมาก็เกิดบริษัท Health Tech มากมายที่เข้ามาสนับสนุนเทคโนโลยีให้กับโรงพยาบาล ความจำเป็นที่จะต้องก้าวเข้าสู่การเป็น Smart Hospital ไม่ใช่เรื่องที่เราคิดไปเองแต่มันกำลังเป็นเทรนด์ของโลก” นายแพทย์ภาณุพงศ์ ตันติรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านสารสนเทศโรงพยาบาลสระบุรีกล่าวถึงเหตุผลของการปฏิรูปการทำงานของโรงพยาบาลไปสู่ Smart Hospital

ในขณะที่นายแพทย์อนันต์ กมลเนตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรี กล่าวถึง “NextEra” ก้าวต่อไปของโรงพยาบาลสระบุรีว่า “จากที่โรงพยาบาลสระบุรีเคยเป็นสถานที่ดูงานของหลาย ๆ โรงพยาบาล ตอนนี้เราเองก็มี Painpoint จากที่เคยพบปัญหา Ransomware  แต่ก็ได้แก้ไขรื้อระบบใหม่ตามนโยบาย Zero Trust ที่เน้นเรื่องความปลอดภัย ในขณะเดียวกัน เราเป็นโรงพยาบาลศูนย์ มีพันธกิจที่ต้องรักษามาตรฐานในการทำงานให้สะดวกเติบโตและยั่งยืน เรามีรากฐานที่ดีแล้วคือบุคลากร แต่ขาดอีกเรื่องคือกำลังด้านไอที ส่วน Smart OPD หรือSmart Hospital ที่ผ่านมาอาจจะยังเป็นแค่ Event ผมมองว่ารากฐานมันต้องวางใหม่หมด เราต้องเข้าถึงข้อมูลและสามารถทำงานได้ทุกที่ แต่ Security ต้องมีด้วย ต้องใช้ Softwareที่มีความยืดหยุ่นและช่วยเราทำงานได้ ไม่ใช่ออกแบบมาแล้วตายตัว ต้อง Friendly กับการใช้งานของบุคลากรจริงๆ ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้สามารถแก้ไขได้ ซึ่งทีมผู้บริหารก็ใช้เวลาตลอด 2ปีออกไปตามหา ก็มาลงตัวที่บริษัท H Lab เพราะวิธีการทำงานเป็นการพัฒนาร่วมกัน ไม่ได้ตั้งใจขายของแล้วก็ไป ทีนี้พอท่านได้ Software ที่ดี ท่านก็จะทำงานได้ง่ายมีความสบายใจ เป็นความตั้งใจของทีมผู้บริหารจะทำให้การทำงานแบบ Smart Hospital มันมีภาพที่ชัดเจนมากขึ้น”

ด้านตัวแทนจาก H Lab กมลวัทน์ สุขสุเมฆ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอช แล็บ จำกัด ที่เชี่ยวชาญในการใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมอุตสาหการสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัลและบริการที่ช่วยปรับระบบการทำงานให้กับโรงพยาบาลและหน่วยงานรัฐมาแล้ว ได้แสดงทัศนะว่า การทำงานในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ Software แต่ถือเป็นการ Re-Engineering ระบบการทำงานในโรงพยาบาลก็ว่าได้

“Engineer คือการสร้าง ส่วน Re แปลว่าการทำใหม่ พอรวมกันแปลว่า สร้าง ประกอบ หรือปรับแก้สิ่งใหม่เพื่อให้มันตอบโจทย์กับงานเดิมแต่ทำอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าเป็นการออกแบบโรงงานเขาก็จะเอาตัวเลขมาใช้คำนวณ ว่าจะต้องใช้เครื่องจักรเท่าไหร่ ใช้คนเท่าไหร่ผลิตเท่าไหร่ ที่มันยังมีกำไรและได้คุณภาพ หรือธนาคารซึ่งเริ่มมีการ Re-Engineering แล้วจะเห็นได้ว่าเราไปธนาคารกันน้อยมากเพราะเราเข้าถึงบริการได้จากทุกที่ กระทั่งในอุตสาหกรรมการบินเขาต้องวางแผนว่าจะจัดตารางการบินยังไง จัดตารางบุคลากรยังไง เพื่อให้ผู้ใช้บริการถึงที่หมายได้ปลอดภัยในขณะที่นักบินมีชั่วโมงการทำงานที่จำกัด ในมุมของโรงพยาบาล โจทย์ที่เราต้องการคือ คนไข้ต้องปลอดภัย ผลลัพธ์การรักษาดี ได้บริการที่รวดเร็ว บุคลากรการแพทย์ต้องได้ทำงานตามความถนัด และไม่ต้องทำงานที่ไม่จำเป็นเพราะงานเหล่านั้นจะถูกส่งไปหลังบ้านให้คอมพิวเตอร์ทำ แต่ในการ Re-Engineering เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวคงไม่พอค่ะ มันยังต้องการองค์ประกอบทั้งสาม นั่นก็คือ หนึ่ง Peopleก็คือทุกท่านในโรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะโรงพยาบาลทุกที่มีปัญหาและบริบทต่างกันไปเราต้องรบกวนท่านเล่าให้เราฟัง ปัญหาและไอเดียอะไรก็ตาม เราจะเอาไปออกแบบให้ สอง Process เพราะSmart Hospital ไม่อาจตั้งอยู่บนกระบวนการทำงานแบบเดิมได้ ซึ่งกระบวนการต่อไปเราจะมาออกแบบร่วมกันก่อนนำไปใช้ อย่างสุดท้าย คือ Technology เอา Process นำก่อนแล้วเทคโนโลยีต่างๆ จะตามมา วันนี้เรา H Lab อยากจะเข้ามาช่วยเป็นพลังงานขับเคลื่อนให้ Smart Hospital มันสำเร็จลงได้”

นายแพทย์ พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4 กล่าวทิ้งท้ายว่า “เชื่อว่าจุดนี้จะเป็นรูปแบบการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของโรงพยาบาลสระบุรี ยิ่งถ้าโรงพยาบาลมีระบบการบริหารที่ดีประชาชนก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วยอาจจะขยายไปต่อยอดไปถึงฝันของกระทรวงสาธารณสุขที่เราสามารถเข้าไปดูแลผู้ป่วยตามบ้านโดยเข้าถึงข้อมูลของโรงพยาบาลได้ เชื่อว่าทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ จากการทำงานของ H Lab ที่มุ่งเน้นการพัฒนาร่วมกัน”

 

Share: