ไวต้า กรีน บุกตลาดและขยายฐานธุรกิจอาหารเสริมสุขภาพสมุนไพรจีนในประเทศไทย จับเข่าผู้ประกอบการไทยคุยหวังยึดไทยเป็นฮับ

184
0
Share:

ไวต้า กรีน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพจากสมุนไพรจีนภายใต้มาตรฐานการผลิตยาและการตรวจประเมินยาแห่งสหภาพยุโรป (PIC/s และ GMP) และเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของฮ่องกง บินตรงบุกตลาดขยายโอกาสทางการค้าธุรกิจอาหารเสริมสุขภาพสมุนไพรจีนในไทย พบปะพูดคุยผู้ประกอบการไทย หวังให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน พร้อมแนะนำผลิตภัณฑ์ไฮไลท์เพื่อดูแลสุขภาพของคนไทยด้วยสมุนไพรจีนระดับพรีเมี่ยมในงานแสดงสินค้าขององค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกงที่จัดขึ้นในประเทศไทย

 

 

นางไอวี่ เชาว์ สุนทรสีมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวต้า กรีน เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือไวต้า กรีน กรุ๊ป ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและอุปกรณ์ทางการแพทย์ในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ภายใต้แบรนด์ ไวต้า กรีน (VITA GREEN) อันดับ 1 ของฮ่องกง เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพจากสมุนไพรทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้น ภาพรวมตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้คนตระหนักและใส่ใจในการดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย และผู้บริโภคในปัจจุบันเปิดรับผลิตภัณฑ์ที่มาจากสมุนไพรเพื่อใช้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับป้องกัน ดูแล และรักษาสุขภาพเพิ่มมากขึ้น

ไวต้า กรีน ในฐานะผู้นำตลาดและแบรนด์สินค้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพสมุนไพรจีนอันดับ 1 ในฮ่องกง แบรนด์ที่ทุกคนในฮ่องกงรวมไปถึงกลุ่มชุมชนชาวจีนในต่างประเทศรู้จักเป็นอย่างดี ได้รับเชิญจากองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง ให้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า Think Business, Think Hong Kong (TBTHK) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มทางธุรกิจและการลงทุน รวมถึงมีการจัดเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มนักธุรกิจไทยได้เข้ามาค้นหาคู่ค้าในการลงทุนร่วมกันกับนักธุรกิจฮ่องกง จึงถือเป็นโอกาสอันดีในการขยายตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาสุขภาพของทางบริษัทฯ เข้ามายังประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในเรื่องของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยมีอัตราการเติบโตถึง 8-10% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 87,000 ล้านบาท

ไวต้า กรีน เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่ผลิตจากสมุนไพรจีน ที่มีคุณสมบัติและสรรพคุณเป็นที่รู้จักและนิยมในหมู่คนไทย อาทิ เห็ดหลินจือ ถั่งเช่า และมีนวัตกรรมการผลิตคุณภาพระดับสูง ด้วยเม็ดเงินลงทุนในการก่อสร้างราว 2,218 ล้านบาท โรงงานผลิตในฮ่องกงและกวางสีทั้งสามแห่งได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตยาที่ดีและการตรวจประเมินยาแห่งสหภาพยุโรป PIC/s GMP (Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme & Good Manufacturing Practices) โดยใบรับรอง GMP เหล่านี้ ได้รับการตรวจสอบเป็นประจำทุกปีโดยกระทรวงสาธารณสุขของฮ่องกง และ SFDA จากประเทศจีนเป็นประจำทุกปี อีกทั้งยังมีศูนย์วิจัยในฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ ยุโรป และอเมริกาเหนือ ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมนักวิชาการและนักวิจัยชั้นนำของโลก เพื่อร่วมกันค้นคว้า วิจัย และพัฒนาเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิผลและปลอดภัยสูงสุด ในขณะเดียวกันก็จำหน่ายในราคาที่ผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมการดูแลสุขภาพของคนไทยที่นิยมเลือกทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพที่ผลิตและสกัดจากสมุนไพร

“ไวต้า กรีน เป็นแบรนด์ชั้นนำของฮ่องกง ที่ส่งเสริมมรดกแพทย์แผนจีนที่มีมายาวนานของเรา ผ่านตำรับที่สามารถสั่งจ่ายเองได้ ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีและวิธีการผลิตยาที่ผสมผสานระหว่างแพทย์แผนตะวันออกและตะวันตกที่ทันสมัยที่สุด ในการพัฒนาและสานต่อการบำบัดโรคด้วยสมุนไพรธรรมชาติที่มีมานับพันปี ในงานแสดงสินค้าครั้งนี้ ไวต้า กรีน ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากผู้เข้าชมงาน โดยแบรนด์ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพจากสมุนไพรจีนรูปแบบใหม่ ที่มีส่วนผสมทางธรรมชาติของตะวันตกด้วย ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกจากฮ่องกง โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มแรกที่กำลังจะเข้ามาในประเทศไทย ได้แก่ ไวต้า กรีน หลินจือ สินค้าขายดีอันดับหนึ่งในฮ่องกงและเอเชีย ที่ช่วยดูแลและบำรุงสุขภาพร่างกายโดยองค์รวม, ซุปเปอร์ไวต้า กรีน ถั่งเช่าหยินหยาง ช่วยปรับสมดุลภายในร่างกาย, ไวต้า กรีน ไอซี ช่วยดูแลและบำรุงสายตา และไวต้า กรีน ไวต้าจอยท์ ช่วยบำรุงข้อและกระดูกให้แข็งแรง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรจีนของไวต้า กรีน ได้รับการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อให้คนในยุคปัจจุบันสามารถเข้าถึงและรับประทานสมุนไพรจีนได้ง่ายและสะดวก ผลิตภัณฑ์ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและสามารถบริโภคได้อย่างปลอดภัยเพื่อรักษาสุขภาพที่ดีให้คนไทยทุกวัย เรากำลังมองหาพันธมิตรที่สนใจและช่องทางการจัดจำหน่ายต่างๆ และตั้งเป้าที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 1 ปี 2567” นางไอวี่ เชาว์ สุนทรสีมะ กล่าวเพิ่มเติม

Share: