SIRI โชว์ผลงานปี 64 กำไรสุทธิโต 21% รายได้แนวราบพุ่ง

572
0
Share:

นายวิชาญ  วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ท่ามกลางความท้าทายใน ปี 2564 นับเป็นอีกปีที่แสนสิริผ่านมาได้อย่างแข็งแกร่งในรอบ 37 ปี จากการมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากลูกค้าจนส่งผลให้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน ส่งผลให้แสนสิริได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าและมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านผลงานยอดขายที่ทำได้ 33,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายถึง 29% และยอดโอน 32,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 21% ล่าสุด จากการสรุปผลการดำเนินงานปี 2564 แสนสิริยังมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) ที่โดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 2,017 ล้านบาท โตขึ้น 21% จากปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิฯ 1,673 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 6.8% ของรายได้รวม โตขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 4.8% โดยปัจจัยหลักมาจากความสามารถในการทำกำไรฯ ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้รวมในปี 2564 แสนสิริมีรายได้รวมทั้งสิ้น 29,558 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 26,170 ล้านบาท

 “รายได้กว่า 67% ของปี 2564 มาจากความสำเร็จของรายได้โครงการแนวราบ โดยเฉพาะรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวที่มีสัดส่วนถึง 49% ของรายได้จากการขายโครงการทั้งหมด หรือคิดเป็น 12,753 ล้านบาท ทั้งนี้ แสนสิริยังตอกย้ำความเป็นผู้นำการพัฒนาแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับบน ด้วยรายได้จากแบรนด์เศรษฐสิริ และ บุราสิริ ที่สร้างรายได้ไปถึง 6,600 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยแชมป์โครงการบ้านเดี่ยวที่ทำรายได้สูงสุด  ประกอบด้วย โครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา, โครงการเศรษฐสิริ จรัญ-ปิ่นเกล้า 2 และโครงการเศรษฐสิริ พระราม 5 รองลงมาเป็นรายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมในสัดส่วน 33% หรือคิดเป็น 8,508 ล้านบาท โดย โครงการคอนโดมิเนียมที่มีรายได้สูงสุด ได้แก่ เอ็กซ์ที ห้วยขวาง, โอกะ เฮาส์ และเอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา ตามลำดับ” นายวิชาญ กล่าว

แสนสิริยังสร้างผลงานจากการปั้นมิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮมแบรนด์ “อณาสิริ” ระดับราคา 2 – 6 ล้านบาท ตอบรับแนวคิดการอยู่อาศัยแบบ Feel Just Right “ความพอดีที่ลงตัว” ที่ประสบความสำเร็จ สร้างรายได้ที่โดดเด่นในปี 2564 อยู่ที่ 2,633 ล้านบาท โตขึ้นถึง  120% โดยโครงการอณาสิริ บางใหญ่ ครองแชมป์แบรนด์อณาสิริที่สร้างรายได้สูงสุด ขณะที่รายได้จากการขายโครงการทาวน์โฮมของแสนสิริ ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,277 ล้านบาท รายได้หลักมาจาก 4 โครงการทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส ได้แก่ สิริ เพลส ประชาอุทิศ 90, สิริ เพลส ราชพฤกษ์-พระราม 5, สิริ เพลส รังสิต-คลอง 2 และสิริ เพลส จรัญ-ปิ่นเกล้า เป็นต้น

นอกจากนี้ การผ่อนคลายมาตรการโควิดและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในปีที่ผ่านมา ยังส่งผลให้ธุรกิจอื่น ๆ ของแสนสิริ อาทิ ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการอื่น ๆ เติบโตขึ้น โดยในปี 2564 แสนสิริมีรายได้จากการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนกว่า 62% ในสแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของเครือโรงแรม The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่มีอิทธิพลที่สุดในธุรกิจบูทีคโฮเต็ล ที่สร้างเสียงชื่นชมทั้งในนิวยอร์ก, ไมอามี่, ลอนดอน และอีกหลายเมืองทั่วโลกสร้างรายได้จากการบริหารโรงแรมในปีที่ผ่านมาอีก 315 ล้านบาท โตขึ้นถึง 126% รวมถึงรายได้ค่าบริการอื่น ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจโรงแรม อาทิ การเปิดตัว The Standard, Hua Hin (เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน) โรงแรมแรกในเมืองไทยและเป็นรีสอร์ตติดชายหาดแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้แบรนด์ The Standard โดยมีแสนสิริลงทุน 100% ด้วยเม็ดเงินกว่า 800 ล้านบาท ที่ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนไทย กลายเป็นโรงแรมและรีสอร์ตที่ติดอันดับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว หลังเปิดให้บริการในต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รวมถึง เดอะ เภรี โฮเต็ล หัวหิน และ เดอะ เภรี โฮเต็ล เขาใหญ่ ที่มีแสนสิริเป็นผู้ลงทุนอีกด้วย

ทั้งนี้ ในปี 2565 แสนสิริยังเดินหน้าก้าวแกร่งด้วยวิสัยทัศน์ “STEP BEYOND”  เติบโตแข็งแกร่งยั่งยืนในทุกมิติ ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญขับเคลื่อนองค์กร PROFIT – PEOPLE – PLANET มุ่งสร้างรายได้และผลกำไรเพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ด้วยแผนเปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายและยอดโอนเท่ากันที่ 35,000 ล้านบาท 

 

 

Share: