ttb analytics คาดปี 2565 ยอดขายรถยนต์ในประเทศพลิกฟื้น 8.7 แสนคัน
เหตุเศรษฐกิจปลดล็อก แนะระวังโควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” อาจซ้ำเติมได้
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2564 อยู่ที่ 7.65 แสนคัน ลดลง 3.3% จากปีก่อน โดยปัจจัยฉุดรั้งมาจากการระบาดของโรคโควิด-19 และกำลังซื้อที่ชะลอตัว พร้อมคาดว่าในปี 2565 ยอดขายจะทยอยกลับมาสู่ระดับปกติ 8.7 แสนคัน หลังประชากรได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง และอายุเฉลี่ยรถยนต์บนท้องถนนเพิ่มขึ้น ชี้รถยนต์ไฟฟ้าประเภท Hybrid เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น
ปัจจุบันยอดขายรถยนต์ในประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวลง และยอดขายรถยนต์ในประเทศสะสมเดือนมกราคม-ตุลาคม 2564 อยู่ที่ 596,325 คัน หดตัวลง 2.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยรถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัวลง 2.7% อยู่ที่ 336,936 คันและรถยนต์นั่งหดตัวลง 1.2% อยู่ที่ 259,389 คัน โดย ttb analytics คาดว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 นี้ ยอดขายรถยนต์จะเริ่มมีการทยอยฟื้นตัวดีขึ้นภายหลังการคลายล็อกดาวน์ในพื้นที่ต่างๆ ประกอบกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เริ่มทั่วถึงทั้งประเทศและการกระตุ้นยอดขายจากงานมอเตอร์เอ็กซ์โปช่วงสิ้นปี ทำให้คาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2564 จะอยู่ที่ 7.65 แสนคัน ซึ่งหดตัวลง 3.3%
เมื่อเจาะลึกเชิงพื้นที่โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลรถยนต์จดทะเบียนใหม่พบว่า ในช่วง 10 เดือนสะสมของปี 2564 ภูมิภาคที่ยอดจดทะเบียนรถใหม่ยังขยายตัว ได้แก่ ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน โดยขยายตัว 3.1% 1.5% และ 0.3% ตามลำดับ ซึ่งการเติบโตมาจากรถยนต์เชิงพาณิชย์เป็นหลัก (เครื่องยนต์ดีเซล) เนื่องจากเศรษฐกิจพึ่งพาภาคเกษตรเป็นหลัก และในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาราคาสินค้าเกษตรเฉลี่ยปรับตัวดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคในพื้นที่มีกำลังซื้อรถยนต์เพื่อใช้ประกอบกิจการ อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่หลักที่มียอดขายรถยนต์ใหม่สูง ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคกลาง พบว่า หดตัว 7.8% 4.7% และ 3.8% ตามลำดับ เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้พึ่งพิงเศรษฐกิจในภาคการค้า และภาคบริการเป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะงักงันในช่วงไตรมาส 2-3 ของปี 2564 และทำให้ยอดขายรถยนต์ในพื้นที่ลดลงค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี หากพิจารณายอดจดทะเบียนรถใหม่ แม้ว่าภาพรวมรถยนต์นั่งและรถยนต์เชิงพาณิชย์จะลดลง แต่ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 10 เดือนของปี 2564 มียอดสะสมรวมกว่า 35,501 คัน แบ่งเป็นสัดส่วนรถไฟฟ้าประเภท Hybrid 95% และเป็นรถไฟฟ้าประเภทใช้แบตเตอรี่ BEV 5% ขยายตัว 40% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยมีการเติบโตอย่างมากในทุกภูมิภาค ชี้ให้เห็นถึงความต้องการรถยนต์ที่มีความทันสมัยและประหยัดพลังงานซึ่งมาจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่อยู่จากตลาดกลางถึงบน