ตลาดแรงงานปี 2568 “AI – ไลฟ์สด” แรงไม่หยุด Reskill คือกุญแจคนทำงานยุคใหม่

20
0
Share:

จ๊อบไทย (JobThai) ผู้ให้บริการหางาน สมัครงาน ออนไลน์ ที่มีผู้เข้าใช้งานเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เผยภาพรวมตลาดแรงงานไทยช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม–กันยายน) จากฐานข้อมูลการเปิดรับสมัครงานและการสมัครงานทั่วประเทศ พบว่าตลาดแรงงานไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง มีการเปิดรับสมัครงานรวมกว่า 1,758,029 อัตรา เพิ่มขึ้น 2.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

 

ในช่วงเวลาเดียวกัน มีการสมัครงานผ่าน JobThai รวมกว่า 17.5 ล้านครั้ง โดยวันจันทร์เป็นวันที่มีการสมัครงานมากที่สุด และช่วงเวลา 11.00–12.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ผู้สมัครนิยมสมัครงานมากที่สุด

นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการจ๊อบไทย www.jobthai.com เปิดเผยว่า จากการรวบรวมและวิเคราะห์ฐานข้อมูลความต้องการแรงงานและพฤติกรรมความต้องการของผู้สมัครงานทั่วประเทศของผู้ใช้งานจ๊อบไทยพบสถิติที่น่าสนใจ ดังนี้

5 ธุรกิจที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุด
จากข้อมูลของ JobThai พบว่า 5 อุตสาหกรรมหลัก ที่มีความต้องการแรงงานมากที่สุดในปีนี้ ได้แก่
1. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (168,556 อัตรา) – แม้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว แต่การบริโภคยังเป็นสิ่งสำคัญและเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ของประเทศ รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ยังนิยมการรับประทานอาหารนอกบ้านและบริการเดลิเวอรี ทำให้ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีความต้องการแรงงานสูงที่สุด
2. ธุรกิจค้าปลีก (148,706 อัตรา) – โดยเฉพาะกลุ่มร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ยังคงจ้างงานต่อเนื่อง รวมถึงร้านค้าปลีกสินค้าแฟชั่น สุขภาพ และความงาม ที่เติบโตจากเทรนด์รักสุขภาพในทุกช่วงวัย
3. ธุรกิจยานยนต์ (118,150 อัตรา) – ได้แรงหนุนจากนโยบายภาครัฐที่ดึงดูดการลงทุนด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้เกิดการจ้างงานในกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วน และตัวแทนจำหน่าย
4. ธุรกิจบริการ (116,222 อัตรา) – โดยเฉพาะบริการเอาท์ซอร์สซิ่ง (Outsourcing) เช่น งานบริการลูกค้า, งานจัดหางาน, IT Service และนอกจากนี้ยังมีงานบริการสุขภาพ
5. ธุรกิจก่อสร้าง (96,980 อัตรา) – ได้แรงหนุนจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐที่ยังเดินหน้าต่อเนื่อง แม้ภาคเอกชนจะชะลอตัว

ขณะเดียวกัน ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ กลายเป็นดาวรุ่งของตลาดแรงงาน โดยมีตำแหน่งงานเปิดรับกว่า 92,138 อัตรา เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน สะท้อนบทบาทของไทยในฐานะฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำคัญของโลก แม้จะเผชิญแรงกดดันจากนโยบายภาษีการค้าระหว่างประเทศ

นางสาวแสงเดือน กล่าวอีกว่า สำหรับ 5 สายงานที่องค์กรเปิดรับมากที่สุด อันดับหนึ่งงานขาย คิดเป็น 21.38% อันดับสองงานช่างเทคนิค คิดเป็น 9.53% อันดับสามงานผลิต/ควบคุมคุณภาพ คิดเป็น 9.03% อันดับสี่งานวิศวกรรม คิดเป็น 5.84% อันดับห้างานธุรการ/จัดซื้อ คิดเป็น 5.71% ของอัตราการเปิดรับในแต่ละเดือนรวมกัน ด้าน 5 สายงานที่มีผู้สมัครมากที่สุด พบว่า งานผลิต/ควบคุมคุณภาพ มีการสมัครสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งคิดเป็น 13.55% อันดับสองงานธุรการ/จัดซื้อ คิดเป็น 11.99%% อันดับสามงานวิศวกรรม คิดเป็น 9.54% อันดับสี่งานทรัพยากรบุคคล คิดเป็น 7.96% อันดับห้างานขาย คิดเป็น 7.86% ของผู้สมัครทั้งหมด

“AI และไลฟ์สด” ทักษะใหม่ที่ตลาดต้องการ
ในมิติของทักษะการทำงาน พบว่า องค์กรต้องการคนทำงานที่มีทักษะความรู้ด้าน AI และความสามารถในการใช้เครื่องมือ AI สูงขึ้น โดยเฉพาะสายงานดังนี้ 1. งานคอมพิวเตอร์/ไอที ได้แก่ ChatGPT, Machine Learning, TensorFlow, PyTorch, OpenCV, Natural Language Processing (NLP), Large Language Models (LLM) 2. งานการตลาด ได้แก่ ChatGPT, Gemini, Claude, Midjourney 3. งานออกแบบ/กราฟิก ได้แก่ ChatGPT, Gemini, Midjourney 4. งานวิศวกรรม ได้แก่ Computer Vision, ChatGPT, Machine Learning, Deep Learning 5. งานทรัพยากรบุคคล ได้แก่ ChatGPT, Gemini

“ไลฟ์สด / TikTok” เป็นคีย์เวิร์ดที่มาแรงติดอันดับคำค้นยอดนิยมขององค์กร สะท้อนเทรนด์ธุรกิจออนไลน์ที่ต้องการบุคลากรด้านคอนเทนต์ไลฟ์สดและสตรีมเมอร์เชิงพาณิชย์มากขึ้น ส่วนคำค้นหายอดนิยมจากฝั่งผู้สมัครกลับสะท้อนอีกมุมหนึ่งของตลาดแรงงาน คือ “หยุดเสาร์–อาทิตย์ / นักศึกษาจบใหม่ / ไม่มีประสบการณ์ / ฝึกงาน”

นางสาวแสงเดือน กล่าวเสริมอีกว่า JobThai ยังได้จัดทำแบบสำรวจ สำรวจ “การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้งานภายในองค์กรและการทำงาน” จากกลุ่มตัวอย่างคนทำงานกว่า 2,600 คน และ HR กว่า 600 องค์กรทั่วประเทศ พบว่า
• 49.42% ขององค์กรไทย ได้นำ AI เข้ามาใช้ในงานบางส่วนแล้ว
• 63.93% ของคนทำงาน เคยใช้ AI เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในงานค้นคว้า เขียนสรุปเนื้อหา และสร้างคอนเทนต์
• Gen Z เป็นกลุ่มที่ใช้ AI มากที่สุดถึง 67.5% รองลงมาคือ Gen Y (64.16%) และ Gen X (55.11%)

นอกจากนี้ 64.89% ขององค์กร มองว่า AI ควรถูกใช้เป็น “ผู้ช่วยเสริมประสิทธิภาพ” มากกว่าจะมา “แทนคนทำงาน” มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มองว่า AI จะเข้ามาแทนตำแหน่งงานซ้ำซากหรืองานที่ใช้ทักษะต่ำ

ผลสำรวจของ JobThai ยังชี้ว่า คนทำงาน 74.29% มีทัศนคติเชิงบวกต่อการใช้ AI โดยเห็นว่า AI ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น เร็วขึ้น และเปิดโอกาสให้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ขณะเดียวกัน 69.71% มองว่า AI มีส่วนทำให้คนตกงานบ้างในบางสายงาน แต่เป็นแรงกระตุ้นให้ต้องพัฒนา “ทักษะใหม่” แทนที่จะหลีกเลี่ยง

นางสาวแสงเดือน กล่าวสรุปว่า เทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกของการทำงานในทางที่ดีและท้าทาย รวมถึงในอนาคตเทคโนโลยีต่างๆ จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญคือคนทำงานต้องเรียนรู้และปรับตัวตลอดเวลา ทั้งในด้านทักษะดิจิทัลและ Soft Skills เช่น การสื่อสาร การคิดวิเคราะห์ และความคิดสร้างสรรค์ พร้อมแนะนำให้ภาคธุรกิจปรับแนวทางการทำงานให้สอดคล้องกับความต้องการของพนักงานรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการส่งเสริมการทำงานแบบ Hybrid Work, การพัฒนาทักษะการใช้ AI เชิงลึก, การลงทุนในเทคโนโลยี และการปรับระบบสวัสดิการให้เหมาะสม เพื่อรักษาและจูงใจบุคลากรที่มีคุณภาพให้อยู่กับองค์กรระยะยาว

ผู้สนใจสามารถหางาน สมัครงาน หรือค้นหาบุคลากรคุณภาพได้ที่ www.jobthai.com หรือ โทร. 02-353-6999

Share: